แฉพฤติกรรมแก๊ง"หมอบุญ"ลวงลงทุน 5 บิ๊กโครงการ เชิดเงิน 7.5 พันล้านบาท

แฉพฤติกรรมแก๊ง"หมอบุญ"ลวงลงทุน 5 บิ๊กโครงการ เชิดเงิน 7.5 พันล้านบาท

64223 พ.ย. 67 13:51   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

ตำรวจยืนยันหมอบุญและพวก รวมกันหลอกประชาชนลงทุนห้าโครงการ มูลค่า 7500 ล้านบาท พบพฤติกรรมเซ็นเช็คค้ำประกันเลี่ยงความผิดฟอกเงิน

จากกรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล สื่อมวลชนอาวุโสและนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ออกมาเปิดโปงถึงพฤติกรรมนายแพทย์คนดัง หลังมีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนว่า นายแพทย์ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลชื่อดัง หลอกลวงเงินผู้อื่นให้มาร่วมลงทุน ธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาล บริการททางการแพทย์ มูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท 


ความคืบหน้าวันนี้ (23พ.ย.) เวลา 11.00 น. ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. แถลงความคืบหน้าทลายเครือข่าย นายแพทย์ บุญ วนาสิน (หมอบุญ) พร้อมกับผู้ร่วมขบวนการรวม 9 คน โดย "นายแพทย์บุญ หรือ หมอบุญ วนาสิน ผู้ต้องหา กับพวก" ตามความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2537 ผู้เสียหายจำนวน 247 คน


พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยว่า ตั้งเดือนธันวาคม 2566 มีผู้เสียหายมาแจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง 1 ราย จากนั้นปี 2567 ตลอดทั้งปี จนกระทั่งถึงเดือน พฤศจิกายน 2567 รวม 247 ราย ตามพรบ.เช็ค จากนั้น สน.ห้วยขวาง จึงส่งเรื่องมายังกองบัญชาการตำรวจนครบาลว่า มีความสลับซับซ้อน จากนั้นกองบัญชาการตำรวจนครบาลจึงได้แต่งตั้ง คณะ บกน.1 เป็นพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบพฤติกรรมของนายแพทย์บุญ หรือ หมอบุญ เป็นตัวการสำคัญ ในการออกสัญญาและพวกมีการระดมทุนชักชวนจากตัวแทน บริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ว่าตนเป็นตัวแทนการระดมเงินลงทุน ให้นายแพทย์บุญ วนาสิน หรือ หมอบุญ และ ครอบครัว


โดยแจ้งว่า นำไปลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์รวมวงเงินลงทุน กว่า 16,000 ล้านบาท ใน 5 โครงการ ประกอบด้วย 


  1. โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง ย่านปิ่นเกล้า 4,000 พันล้าน  
  2. โครงการเวลเนเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 4,000-5,000 ล้าน 
  3. สร้างโรงพยาบาลใน สปป.ลาว 3 แห่ง รวม 2 พันล้านบาท 
  4. เข้าร่วมลงทุนโรงพยาบาลในเวียดนาม 4,000 - 5,000 ล้านบาท
  5. เมดิคอร์ อินเทเลเจนท์ บางละมุง ชลบุรี งบลงทุน 100ล้าน


โดย 5 โครงการ หลังระดมทุนเรียบร้อยแล้ว ก็จะให้ผู้เชี่ยวชาญ บริษัทไทยเมดิคิล กรุ๊ป จำกัด หรือ TMG ดูแลโครงการทั้งหมด เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์เข้ามาบริหารต่อ และยังมีแผนการนำเข้าบริษัทตลาดหลักทรัพย์ในปี 2567 แต่พฤติกรรมในการหาแหล่งเงินทุนของหมอบุญและพวกกับมีลักษณะการไปกู้ยืมเงินกับแหล่งเงินกู้ โดยมีภรรยาและลูกสาว ผู้ค้ำประกัน เซ็นสลักหลังในเช็คทุกฉบับ มอบให้ผู้เสียหาย ในช่วงแรกมีการชำระดอกเบี้ยในอัตราสูงให้กับบางส่วน บางคน ต่อมาไม่มีการจ่ายเลย 


เจ้าหน้าที่ยังพบว่า หลังจากได้เงิน ทุน 7,500 ล้านบาทแล้ว พบว่าให้โบรกเกอร์ทยอยไปถอนเงินครั้งละเป็นร้อยล้าน โดยโบรกเกอร์จะได้ดอกเบี้ยและเปอร์เซ็นต์เป็นค่าตอบแทน โดยโบรกเกอร์จะได้ 85,000 บาท ต่อผู้ลงทุน 1 ราย และจะได้ % จากยอด 10 ล้านบาท ที่ผู้ร่วมลงทุนนำเงินมาลงทุน ซึ่งการกระทำทั้งหมอบุญและโบรกเกอร์จะไปชักชวนผู้ร่วมลงทุนที่เป็นนักเล่นหุ้นที่กระเป๋าหนักเป็นนักธุรกิจ จึงพบว่ามีผู้เสียหายหลายรายมาร่วมลงทุน เสียหายมากที่สุดคือ  600 - 700 ล้าน ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่หลงเชื่อว่าจะมีการลงทุนจริง รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งหมด 247 คน ความเสียหาย 7,564 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 ถึงเดือนตุลาคม 2567 


ส่วนเงินจำนวนดังกล่าว อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีการนำไปใช้จ่ายในธุรกิจเครือข่ายโรงพยาบาลที่มีอยู่จริง 4 - 5 โรงพยาบาลจริงหรือไม่ รวมถึงต้องไปตรวจสอบในช่วงที่มีการนำเข้าวัคซีนโควิด19 ว่าเงินดังกล่าวไปอยู่ที่ไหน 


นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่า นายแพทย์บุญ หรือ หมอบุญ มีรถยนต์ 19 คัน และพบว่าหายไปจากบ้าน ส่วนอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงโฉนดที่ดินพบว่ามี 21 แปลง มีการยักย้ายถ่ายเทไปยังคนในครอบครัว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบว่า ทรัพย์สินดังกล่าวได้มาในช่วงปี 2567 หรือไม่ 


สำหรับประเด็นการตรวจสอบทรัพย์สินได้มีการยึดอายัด ที่ดิน โฉนด เช็ค รถยนต์ที่มีการยักย้ายถ่ายเทหายไป และจะทำการตรวจสอบว่าไปอยู่ที่ใด เพื่อที่จะเร่งนำมาคืนผู้เสียหาย 


สำหรับผู้ร่วมขบวนการ ศาลอาญา ออกหมายจับมี 9 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ 


กลุ่มที่ 1  


  1. นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี
  2. นางจารุวรรณ อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ  
  3. นางสาวนลิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ 


กลุ่ม 2 


  1. นางสาวศิวิมล อายุ 38 ปี ผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน 
  2. นางสาวจิดาภา อายุ 53 ปี เลขาส่วนตัวนายแพทย์บุญ



กลุ่มที่ 3 โบรกเกอร์ 


  1. นางอัจจิมา อายุ 49 ปี เจ้าหน้าที่ของ บริษัทหลักทรัพย์ เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน 
  2. นายภาคย์ อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ ผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน 
  3. นางภัทรานิษฐ์ อายุ 55 ปี เป็นนายหน้า และ ผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน ผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกัน
  4. นายธนภูมิ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา 


ซึ่งขณะนี้ตำรวจจับได้แล้ว 6 ราย และได้มีการนำตัวส่งศาลอาญาฝากขังเรียบร้อยแล้ว 


สำหรับ"หมอบุญ"ถูกดำเนินคดี ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและ ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ สมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และออกเช็คชำระหนี้ที่ไม่มีอยู่จริง และบังคับได้ตามกฎหมายฯ ในส่วนผู้ต้องหาที่เหลือ 8 คน ถูกดำเนินคดี ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน 


ทั้งนี้ข้อมูลจาก ตม. พบว่า พบว่าเดินทางออกจากไทยตั้งแต่ 29 กันยายน เวลา 14.25 น. เส้นทางกรุงเทพ ฮ่องกง ล่าสุดพบว่า ทราบว่านายแพทย์บุญ เดินทางต่อจากฮ่องกง ไปจีนแล้ว อยู่ระหว่างการประสานตำรวจสากล ส่วนลูกเมียอยู่ระหว่างติดตามตัวคาดว่าอยู่ในประเทศไทย 


สำหรับพฤติการณ์"หมอบุญ"ชุดสืบสวนพบว่าพยายามจ่ายเช็คให้กับเจ้าหนี้ โดยใช้เช็คที่ผู้เสียหายไม่สามารถนำไปใช้ดำเนินการขึ้นเงินได้ เพื่อหลีกเลี่ยงในเรื่องความผิดการฟอกเงินที่มีอัตราโทษสูงและจะต้องถูกยึดอายัดทรัพย์ อีกทั้งพฤติกรรมกลุ่มผู้ต้องหายังทำการตลาดซื้อโฆษณา ทั้งทีวี , สื่อออนไลน์ , สำนักพิมพ์หลายแห่ง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ


นอกจากนี้พนักงานสอบสวนยึดโมเดลโครงการต่าง ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ ที่ไม่มีอยู่จริงและอายัดสัญญาโครงการต่าง ๆ สัญญาการกู้ยืมเงิน รวมถึงสัญญาเช็คต่าง ๆ มาตรวจสอบ และอยู่ระหว่างเสนอผู้บังคับบัญชาว่าจะต้องเป็นความผิดตามบัญชีท้ายประกาศของดีเอสไอ เรื่องการกำหนดความผิดที่เป็นคดีพิเศษ ทางพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาจะดำเนินการส่งเป็นคดีพิเศษหรือไม่ 


อย่างไรก็ตามจะพยายามถึงที่สุดในการตามล่าตัว ตามหาทรัพย์สินกลับมาคืนผู้เสียหายให้ได้ ผู้เสียหายคนไหนที่เสียหายจากการร่วมลงทุนให้มาให้ข้อมูลกับพนักงานสืบสวนได้และฝากถึงผู้ที่จะลงทุน ก่อนร่วมลงทุน ให้ตรวจสอบอย่างละเอียดว่าโครงการต่าง ๆ จะเกิดขึ้นจริงหรือมีอยู่จริงหรือไม่  


ข่าวที่เกี่ยวข้อง




TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง