รวบนายหน้าเถื่อนหลอกไปทำงานเกาหลี สูญเงินฟรี

รวบนายหน้าเถื่อนหลอกไปทำงานเกาหลี สูญเงินฟรี

61617 พ.ค. 68 19:22   |     AdminNews

“สองผัวเมียมิจฉาชีพ” ตุ๋นแรงงานไทยไปเกาหลี สุดท้ายจนมุมคาคอนโดย่านวังทองหลาง เหยื่อสูญเงินกว่า 1 ล้านบาท

วันที่ 17 พฤษภาคม 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) แถลงผลการจับกุมสองสามีภรรยาแสบ เปิดบริษัทจัดหางานหลอกแรงงานไทยไปทำงานประเทศเกาหลีใต้ พบมีผู้เสียหายกว่า 10 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท โดยผู้ต้องหาทั้งสองรายมีประวัติหลบหนีและเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลมาหลายครั้ง ก่อนถูกตามรวบตัวได้ที่คอนโดในเขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร


การจับกุมครั้งนี้อยู่ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผบก.ปคม. และทีมเจ้าหน้าที่จาก กก.3 บก.ปคม. โดยมี พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ นิลมิตร สว.กก.3 บก.ปคม. เป็นหัวหน้าชุดจับกุม พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่นำหมายจับเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองราย ได้แก่


1. น.ส.ธนิดา หรือ น.ส.อิสราภรณ์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 239/2568 ลงวันที่ 16 มกราคม 2568

2. นายชยกฤตฯ อายุ 60 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ที่ 170/2567 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2567


ทั้งสองต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงดังกล่าวได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สิน”


การสืบสวนพบว่า ตั้งแต่ปี 2561 สองสามีภรรยาได้ร่วมกับพวกอีกกว่า 5 คน เปิดบริษัทจัดหางานโดยแอบอ้างว่าสามารถส่งแรงงานไทยไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ มีการจัดสัมมนาสร้างความน่าเชื่อถือ อ้างถึงงานดี เงินเดือนสูง สวัสดิการครบ ค่าใช้จ่ายเดินทางต่ำ ทำให้มีผู้หลงเชื่อโอนเงินค่าดำเนินการสูญเงินรวมกันกว่า 1 ล้านบาท


ภายหลังหลอกลวงผู้เสียหายแล้ว ทั้งสองได้หลบหนีโดยมีการเปลี่ยนชื่อและนามสกุลมากกว่า 10 ครั้ง รวมทั้งย้ายที่อยู่กว่า 5 แห่ง เพื่อหลบเลี่ยงการติดตามของเจ้าหน้าที่ กระทั่งล่าสุดถูกจับกุมได้บริเวณคอนโดแห่งหนึ่งย่านพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ


เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว น.ส.ธนิดา ส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปคม. และ นายชยกฤตฯ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยทั้งสองให้การในเบื้องต้นเป็นภาคเสธ


เจ้าหน้าที่ตำรวจย้ำว่า การเผยแพร่ข่าวในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์สาธารณะ ให้ประชาชนรู้เท่าทันกลโกงในรูปแบบต่างๆ เพื่อป้องกันมิให้ตกเป็นเหยื่อ โดยทั้งนี้ ผู้ต้องหายังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ตามกฎหมาย จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดจากศาล 


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat