ตร.ไซเบอร์ รับข้อมูลคลาดเคลื่อน จากที่เคยบอกมีเหยื่อแก๊งคอลฯเพียง 1 คน นอกนั้น 259 คนเต็มใจไปทั้งหมด ที่จริงแล้ว สมัครใจไปทำงานมี 2-3 คนเท่านั้น ที่เหลือเป็นเหยื่อ

ตร.ไซเบอร์ รับข้อมูลคลาดเคลื่อน จากที่เคยบอกมีเหยื่อแก๊งคอลฯเพียง 1 คน นอกนั้น 259 คนเต็มใจไปทั้งหมด ที่จริงแล้ว สมัครใจไปทำงานมี 2-3 คนเท่านั้น ที่เหลือเป็นเหยื่อ

44017 ก.พ. 68 12:47   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

ตร.ไซเบอร์ รับข้อมูลคลาดเคลื่อน จากที่เคยบอกมีเหยื่อแก๊งคอลฯเพียง 1 คน นอกนั้น 259 คนเต็มใจไปทั้งหมด ที่จริงแล้ว สมัครใจไปทำงานมี 2-3 คนเท่านั้น ที่เหลือเป็นเหยื่อ ขออภัยในความผิดพลาดครั้งนี้

(17 ก.พ. 68) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บํารุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 เปิดเผยถึงกรณีเหยื่อถูกหลอกทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา จำนวน 260 คน กลับเข้าประเทศไทย ว่า จากที่มีการผลักดันชาวต่างชาติที่ทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา จำนวน 260 คน กลับเข้าในประเทศไทยทาง ตนได้มีการสั่งการให้ตำรวจไซเบอร์รวมแล้ว 50 นาย ไปปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ด่านหน้า เพื่อที่จะรวบรวมข้อมูลการกระทำความผิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และจัดเก็บข้อมูลโทรศัพท์มือถือรวมถึงอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ของ 260 คนดังกล่าว 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตำรวจไซเบอร์ เผย 260 คนที่รับตัวกลับโดนหลอกแค่ 1 ราย นอกนั้นเต็มใจไปทำงาน


ซึ่งหลังจากผ่านกลไกการส่งต่อระดับชาติ หรือ NRM อย่างละเอียดแล้ว พบข้อมูลบ่งชี้ว่ามีผู้ถูกหลอกลวงไปทำงานที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวอาจเข้าข่ายการค้ามนุษย์จำนวนมาก แต่สมัครใจไปทำงานมีเพียง 2-3 คนเท่านั้น ซึ่งเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากเดิมที่เคยแถลงข่าวไปก่อนหน้านี้ว่าในจำนวนดังกล่าวมีเหยื่อที่ถูกหลอกลวงเพียง 1 คน เนื่องจากว่าข้อมูลที่ได้รับรายงานในครั้งแรกกับข้อมูลที่เก็บจากโทรศัพท์มือถือมีความแตกต่างกันอย่างมาก ทางตำรวจไซเบอร์จึงขออภัยในความผิดพลาดครั้งนี้


ส่วนพยานหลักฐานที่จัดเก็บได้มีข้อมูลเลขรหัสประจำเครื่อง (IMEI) จำนวน 107 หมายเลข และข้อมูลที่จัดเก็บอยู่ในโทรศัพท์ของผู้ที่ข้ามแดนกลับมาจำนวน 35 เครื่อง ซึ่งส่วนนี้จะนำไปตรวจพิสูจน์และวิเคราะห์อย่างละเอียดเพื่อหารูปแบบของการหลอกลวง และหาพยานหลักฐานว่าจะดำเนินคดีในความผิดอื่นกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และผู้ที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้เพิ่มเติมได้หรือไม่อย่างไร


ซึ่งไม่ว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะก่ออาชญากรรมกับประชาชนประเทศใดก็ตาม หรือผู้ที่ไปทำงานที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวจะสมัครใจไป หรือจะไม่มีผู้เสียหายเป็นคนไทยก็ตาม ก็จะรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบว่าเข้าข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ก็จะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องในข้อหานี้ ซึ่งเป็นข้อหาที่มีโทษหนัก


เมื่อถามว่าในการคัดกรอง NRM จะมีตำรวจเข้าไปร่วมคัดกรองด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า ในส่วนนี้จะมีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและตำรวจภูธรจังหวัดตากเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนตำรวจไซเบอร์มีหน้าที่ไปรวบรวมข้อมูลมาขยายผลเพิ่มเติมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์


ทั้งนี้สำหรับ 260 คน ตามกฎหมายคนเข้าเมือง หากพบว่าเป็นเหยื่อจะถูกยกเว้นในการดำเนินคดีในบางข้อหา ส่วนผู้ที่สมัครใจก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย


และในส่วนที่ตั้งข้อสงสัยว่ามีกลุ่มคนไทยเข้าไปช่วยเหลือขบวนการดังกล่าวหรือไม่นั้น จะต้องทำการพิสูจน์และรวบรวมข้อมูลก่อน หากพบว่ามีการนำพาหรือมีการช่วยเหลือ แล้วพบว่าการกระทำนั้นเป็นการกระทำผิดในรัฐไทย ก็จะเข้าองค์ประกอบอาชญากรรมข้ามชาติ

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง