ปอท.ทลายแก๊งฟอกเงินจีนเทา พบถอนเงินสด 2.9 พันล้านบาท

ปอท.ทลายแก๊งฟอกเงินจีนเทา พบถอนเงินสด 2.9 พันล้านบาท

42518 ก.พ. 68 14:10   |     Tum1

ปอท.ทลายแก๊งฟอกเงินจีนเทา พบถอนเงินสดจากการหลอกเหยื่อกว่า 2,900 ล้านบาท

(18 ก.พ.68) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น-จับกุม กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ปอท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. ร่วมกับ กก.1 บก.ปอท. , บก.ป., บก.ปคบ. และ บก.ทล. ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 9 ราย ในข้อหา

  1. ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
  2. ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น
  3. ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอันเป็นเท็จฯ
  4. สมคบโดยการตกลงตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปกระทำความผิดฐานฟอกเงินฯ
  5. ร่วมกันฟอกเงิน
  6. ร่วมกันเป็นอั้งยี่

โดยผู้ต้องหาทั้ง 10 ราย ตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 7 ก.พ.68 และสถานที่จับกุม ประกอบด้วย  

  1. น.ส.อัจฉรา (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี จับกุมที่คอนโดฯแห่งหนึ่งย่านสุทธิสาร กทม.
  2. MR.GAO อายุ 35 ปี จับกุมที่ คอนโดฯ แห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง กทม.
  3. MR.XIONG อายุ 30 ปี จับกุมที่ คอนโดฯย่านพระราม 9 กทม.
  4. MR.MAO อายุ 46 ปี จับกุมที่ ห้องพักแห่งหนึ่งย่านไนท์ซาฟารี อ.หางดง จ.เชียงใหม่
  5. MRS.ZHOU อายุ 44 ปี จับกุมที่ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
  6. น.ส.พรทิพย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี จับกุมที่ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี
  7. นายนพวิทย์ (สงวนนามสกุล)อายุ 31 ปี จับกุมที่ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว
  8. นายชลธี (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี จับกุมที่ หน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในอ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร
  9. น.ส.ปัณฑารีย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี จับกุมที่ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช
  10. น.ส.สุภาวดี (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี จับกุมที่ หน้าบ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.ลาดใหญ่ จ.สมุทรสงคราม



สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ได้มีผู้เสียหายซึ่งต้องการหางานทำ เพื่อหารายได้พิเศษ ได้พบโพสต์ประกาศหางานในสื่อโซเชียลมีเดีย ประกาศว่าเป็นการทำงานพิเศษเสริมรายได้โดยเป็นการรับสินค้าไปแพ็กที่บ้าน ต่อมาผู้เสียหายเกิดความสนใจจึงได้ติดต่อพูดคุย โดยในช่วงแรกคนร้ายได้ชักชวนให้ทำงานพิเศษในรูปแบบออนไลน์ โดยเป็นงานกดไลค์ กดเพิ่มยอดติดตามต่างๆ เมื่อผู้เสียหายได้ทดลองทำงานดังกล่าวปรากฎว่า ได้รับเงินจากการทำงานจริงเป็นจำนวนหลายครั้ง 

จากนั้น คนร้ายจึงเริ่มชักชวนให้ผู้เสียหายทำกิจกรรมพิเศษต่างๆ และต้องนำเงินมาลงทุนก่อน จึงจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 30%-50% ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้นำเงินไปร่วมลงทุน ช่วงแรกมีการให้ผลตอบแทนจริง ต่อมามีการหลอกลวงให้ลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่สามารถถอนเงินออกมาจากระบบได้ โดยคนร้ายให้เหตุผลว่า เป็นความผิดของผู้เสียหาย ที่ไม่ทำตามขั้นตอนที่กำหนด ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าถูกหลอก และได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย 


เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. จึงได้ดำเนินการสืบสวน โดยพบว่าขบวนการดังกล่าวมีการทำเป็นขบวนการ โดยมีผู้ร่วมขบวนการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีการรับโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารต่างๆ ก่อนจะแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดถอนออกจากบัญชี เบื้องต้นพบว่า มีผู้เสียหายลักษณะเดียวกันอีกประมาณ 60 ราย มูลความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท 

ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอออกหมายจับต่อศาลอาญา โดยออกหมายจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวน 32 ราย โดยแบ่งเป็นกลุ่มบัญชีม้าคนไทย 10 ราย , กลุ่มขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน 2 ราย , กลุ่มขบวนการที่มีการฟอกเงิน 20 ราย (ชาวไทย 1 ราย , ชาวจีน 14 ราย , ชาวเกาหลี 5 ราย)  



ต่อมา ในห้วงวันที่ 11-14 ก.พ.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท.จึงได้สนธิกำลัง ร่วมด้วย บก.ป.,     บก.ปคบ., บก.ปคม. และ บก.ทล. เปิดปฏิบัติการ “ทลายแก๊งฟอกเงินมังกรเทา” โดยเข้าทำการตรวจค้น/จับกุม กลุ่มผู้ร่วมขบวนการการกระทำความผิดดังกล่าว เข้าตรวจค้นจำนวน 20 จุด 8 จังหวัด ทั่วประเทศไทย โดยแบ่งเป็น

  • กรุงเทพฯ 7 จุด
  • จังหวัดเชียงใหม่ 5 จุด
  • จังหวัดสมุทรปราการ 3 จุด
  • จังหวัดสระแก้ว 1 จุด
  • จังหวัดปราจีนบุรี 1 จุด
  • จังหวัดนครศรีธรรมราช 1 จุด 
  • จังหวัดสมุทรสาคร 1 จุด
  • จังหวัดสมุทรสงคราม 1 จุด 

ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 10 ราย ได้แก่ สมาชิกแก๊งฟอกเงินให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทยจำนวน 5 ราย และเจ้าของบัญชีม้าที่ใช้ในการกระทำความผิด จำนวน 5 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินต่างๆ รวม 210 รายการ เช่น คอมพิวเตอร์ , โทรศัพท์มือถือ , สมุดบัญชี , รถยนต์ /รถจักรยานยนต์ , เงินสด , โฉนดที่ดินบ้าน/คอนโดฯ , นาฬิกาหรู , กระเป๋าแบรนด์เนมและทรัพย์สินมีค่าต่างๆ รวมมูลค่ากว่า 14 ล้านบาท นำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย 

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าทำการตรวจค้นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเชื่อว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว ได้ทำการฟอกเงินซื้อทรัพย์สิน และอสังหาริมทรัพย์ โดยเป็นบ้านหรูและคอนโดฯหรู ทรัพย์สินมีค่า อาทิเช่น นาฬิกาหรู , กระเป๋าแบรนด์เนม และเครื่องประดับ มูลค่ารวมทั้งหมดกว่า 440 ล้านบาท  


จากการการสอบถามผู้ต้องหาเบื้องต้น ทราบว่า ผู้ต้องหาที่ 1 จะเบิกเงินสดแล้วนำไปส่งมอบให้กับลูกค้าตามสถานที่นัดหมาย หรือนำเงินสดฝากเข้าบัญชีต่างๆ ตามคำสั่งของกลุ่มจีนเทา เนื่องจาก กลุ่มจีนเทามีความต้องการเงินที่ได้จากการกระทำความผิด ไปใช้จ่ายในประเทศไทย โดยผู้ต้องหาที่ 1 และแฟนหนุ่มชาวจีน ได้ร่วมกันกับพวกฟอกเงินให้กับกลุ่มจีนเทามาตั้งแต่ปี 2566 ถึงปัจจุบัน โดยจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของแก๊งพบว่ามีการรับเงินดิจิทัลสกุล USDT จำนวนประมาณ 187 ล้านเหรียญ USDT (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 6,500 ล้านบาท) มีการถอนเงินสดเป็นเงินไทยประมาณ 2,900 ล้านบาท และยังมีการนำเงินที่ได้จากการกระทำความผิด ไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบและดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

ในส่วนของผู้ต้องหาลำดับที่ 2-5 ซึ่งเป็นผู้ต้องหาชาวจีน ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่ามีส่วนร่วมกับผู้ต้องหาที่ 1 และกลุ่มคนจีนคนอื่นๆ ในการรับเหรียญดิจิทัลมาจากกลุ่มจีนเทา มาเทขายเหรียญก่อนที่จะนำเงินสด ไปส่งมอบให้กับลูกค้าชาวจีนตามจุดนัดหมายต่างๆ 



และยังพบว่า ขบวนการนี้มีพฤติการณ์ในการก่อตั้งบริษัท ที่ให้คนไทยมาเป็นนอมินีในการจัดตั้ง เพื่อมารับโอนกรรมสิทธิ์บ้าน ภายหลังการโอนกรรมสิทธิ์จะเปลี่ยนกรรมการผู้มีอำนาจเป็นคนจีน ซึ่งบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อโอนกรรมสิทธิ์บ้านเหล่านี้ ส่วนใหญ่ไม่ได้มีการดำเนินธุรกิจจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระว่างการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมในการตรวจยึดอสังหาริมทรัพย์และดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง