ปอท.ทลายแก๊งฟอกเงินจีนเทา พบถอนเงินสด 2.9 พันล้านบาท
ปอท.ทลายแก๊งฟอกเงินจีนเทา พบถอนเงินสด 2.9 พันล้านบาท

ปอท.ทลายแก๊งฟอกเงินจีนเทา พบถอนเงินสดจากการหลอกเหยื่อกว่า 2,900 ล้านบาท
(18 ก.พ.68) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น-จับกุม กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ปอท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. ร่วมกับ กก.1 บก.ปอท. , บก.ป., บก.ปคบ. และ บก.ทล. ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 9 ราย ในข้อหา
- ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
- ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น
- ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอันเป็นเท็จฯ
- สมคบโดยการตกลงตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปกระทำความผิดฐานฟอกเงินฯ
- ร่วมกันฟอกเงิน
- ร่วมกันเป็นอั้งยี่
โดยผู้ต้องหาทั้ง 10 ราย ตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 7 ก.พ.68 และสถานที่จับกุม ประกอบด้วย
- น.ส.อัจฉรา (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี จับกุมที่คอนโดฯแห่งหนึ่งย่านสุทธิสาร กทม.
- MR.GAO อายุ 35 ปี จับกุมที่ คอนโดฯ แห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง กทม.
- MR.XIONG อายุ 30 ปี จับกุมที่ คอนโดฯย่านพระราม 9 กทม.
- MR.MAO อายุ 46 ปี จับกุมที่ ห้องพักแห่งหนึ่งย่านไนท์ซาฟารี อ.หางดง จ.เชียงใหม่
- MRS.ZHOU อายุ 44 ปี จับกุมที่ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
- น.ส.พรทิพย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี จับกุมที่ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี
- นายนพวิทย์ (สงวนนามสกุล)อายุ 31 ปี จับกุมที่ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว
- นายชลธี (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี จับกุมที่ หน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในอ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร
- น.ส.ปัณฑารีย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี จับกุมที่ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช
- น.ส.สุภาวดี (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี จับกุมที่ หน้าบ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.ลาดใหญ่ จ.สมุทรสงคราม
สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ได้มีผู้เสียหายซึ่งต้องการหางานทำ เพื่อหารายได้พิเศษ ได้พบโพสต์ประกาศหางานในสื่อโซเชียลมีเดีย ประกาศว่าเป็นการทำงานพิเศษเสริมรายได้โดยเป็นการรับสินค้าไปแพ็กที่บ้าน ต่อมาผู้เสียหายเกิดความสนใจจึงได้ติดต่อพูดคุย โดยในช่วงแรกคนร้ายได้ชักชวนให้ทำงานพิเศษในรูปแบบออนไลน์ โดยเป็นงานกดไลค์ กดเพิ่มยอดติดตามต่างๆ เมื่อผู้เสียหายได้ทดลองทำงานดังกล่าวปรากฎว่า ได้รับเงินจากการทำงานจริงเป็นจำนวนหลายครั้ง
จากนั้น คนร้ายจึงเริ่มชักชวนให้ผู้เสียหายทำกิจกรรมพิเศษต่างๆ และต้องนำเงินมาลงทุนก่อน จึงจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 30%-50% ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้นำเงินไปร่วมลงทุน ช่วงแรกมีการให้ผลตอบแทนจริง ต่อมามีการหลอกลวงให้ลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่สามารถถอนเงินออกมาจากระบบได้ โดยคนร้ายให้เหตุผลว่า เป็นความผิดของผู้เสียหาย ที่ไม่ทำตามขั้นตอนที่กำหนด ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าถูกหลอก และได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. จึงได้ดำเนินการสืบสวน โดยพบว่าขบวนการดังกล่าวมีการทำเป็นขบวนการ โดยมีผู้ร่วมขบวนการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีการรับโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารต่างๆ ก่อนจะแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดถอนออกจากบัญชี เบื้องต้นพบว่า มีผู้เสียหายลักษณะเดียวกันอีกประมาณ 60 ราย มูลความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอออกหมายจับต่อศาลอาญา โดยออกหมายจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวน 32 ราย โดยแบ่งเป็นกลุ่มบัญชีม้าคนไทย 10 ราย , กลุ่มขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน 2 ราย , กลุ่มขบวนการที่มีการฟอกเงิน 20 ราย (ชาวไทย 1 ราย , ชาวจีน 14 ราย , ชาวเกาหลี 5 ราย)
ต่อมา ในห้วงวันที่ 11-14 ก.พ.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท.จึงได้สนธิกำลัง ร่วมด้วย บก.ป., บก.ปคบ., บก.ปคม. และ บก.ทล. เปิดปฏิบัติการ “ทลายแก๊งฟอกเงินมังกรเทา” โดยเข้าทำการตรวจค้น/จับกุม กลุ่มผู้ร่วมขบวนการการกระทำความผิดดังกล่าว เข้าตรวจค้นจำนวน 20 จุด 8 จังหวัด ทั่วประเทศไทย โดยแบ่งเป็น
- กรุงเทพฯ 7 จุด
- จังหวัดเชียงใหม่ 5 จุด
- จังหวัดสมุทรปราการ 3 จุด
- จังหวัดสระแก้ว 1 จุด
- จังหวัดปราจีนบุรี 1 จุด
- จังหวัดนครศรีธรรมราช 1 จุด
- จังหวัดสมุทรสาคร 1 จุด
- จังหวัดสมุทรสงคราม 1 จุด
ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 10 ราย ได้แก่ สมาชิกแก๊งฟอกเงินให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทยจำนวน 5 ราย และเจ้าของบัญชีม้าที่ใช้ในการกระทำความผิด จำนวน 5 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินต่างๆ รวม 210 รายการ เช่น คอมพิวเตอร์ , โทรศัพท์มือถือ , สมุดบัญชี , รถยนต์ /รถจักรยานยนต์ , เงินสด , โฉนดที่ดินบ้าน/คอนโดฯ , นาฬิกาหรู , กระเป๋าแบรนด์เนมและทรัพย์สินมีค่าต่างๆ รวมมูลค่ากว่า 14 ล้านบาท นำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าทำการตรวจค้นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเชื่อว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว ได้ทำการฟอกเงินซื้อทรัพย์สิน และอสังหาริมทรัพย์ โดยเป็นบ้านหรูและคอนโดฯหรู ทรัพย์สินมีค่า อาทิเช่น นาฬิกาหรู , กระเป๋าแบรนด์เนม และเครื่องประดับ มูลค่ารวมทั้งหมดกว่า 440 ล้านบาท
จากการการสอบถามผู้ต้องหาเบื้องต้น ทราบว่า ผู้ต้องหาที่ 1 จะเบิกเงินสดแล้วนำไปส่งมอบให้กับลูกค้าตามสถานที่นัดหมาย หรือนำเงินสดฝากเข้าบัญชีต่างๆ ตามคำสั่งของกลุ่มจีนเทา เนื่องจาก กลุ่มจีนเทามีความต้องการเงินที่ได้จากการกระทำความผิด ไปใช้จ่ายในประเทศไทย โดยผู้ต้องหาที่ 1 และแฟนหนุ่มชาวจีน ได้ร่วมกันกับพวกฟอกเงินให้กับกลุ่มจีนเทามาตั้งแต่ปี 2566 ถึงปัจจุบัน โดยจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของแก๊งพบว่ามีการรับเงินดิจิทัลสกุล USDT จำนวนประมาณ 187 ล้านเหรียญ USDT (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 6,500 ล้านบาท) มีการถอนเงินสดเป็นเงินไทยประมาณ 2,900 ล้านบาท และยังมีการนำเงินที่ได้จากการกระทำความผิด ไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบและดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ในส่วนของผู้ต้องหาลำดับที่ 2-5 ซึ่งเป็นผู้ต้องหาชาวจีน ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่ามีส่วนร่วมกับผู้ต้องหาที่ 1 และกลุ่มคนจีนคนอื่นๆ ในการรับเหรียญดิจิทัลมาจากกลุ่มจีนเทา มาเทขายเหรียญก่อนที่จะนำเงินสด ไปส่งมอบให้กับลูกค้าชาวจีนตามจุดนัดหมายต่างๆ
และยังพบว่า ขบวนการนี้มีพฤติการณ์ในการก่อตั้งบริษัท ที่ให้คนไทยมาเป็นนอมินีในการจัดตั้ง เพื่อมารับโอนกรรมสิทธิ์บ้าน ภายหลังการโอนกรรมสิทธิ์จะเปลี่ยนกรรมการผู้มีอำนาจเป็นคนจีน ซึ่งบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อโอนกรรมสิทธิ์บ้านเหล่านี้ ส่วนใหญ่ไม่ได้มีการดำเนินธุรกิจจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระว่างการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมในการตรวจยึดอสังหาริมทรัพย์และดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
