แถลงผลกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทยในกัมพูชา เผย 2 เดือน รับตัวมาเกือบ 200 คน ดำเนินคดี 54 ราย
แถลงผลกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทยในกัมพูชา เผย 2 เดือน รับตัวมาเกือบ 200 คน ดำเนินคดี 54 ราย

แถลงผลกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทยในกัมพูชา เจอข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติ เผยใน 2 เดือน รับตัวคนไทยมาเกือบ 200 คน ดำเนินคดีตามหมายจับ 54 ราย
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 1 เม.ย.68 พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศปอส.ตร./ผอ.ศตคม.ตร.) พร้อมด้วย นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน , พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) , เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง รวมถึง พ.ต.อ.ไกลเขต บุรีรักษ์ รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว แถลงผลปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รับตัวคนไทย 56 คน จากเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา มาดำเนินคดีในไทย พบเชื่อมโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 1,154 คดี สร้างความเสียหายให้เพื่อนร่วมชาติแล้วกว่า 709 ล้านบาท ที่บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 เมืองทองธานี
โดยจากการกวาดล้างจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของตำรวจกัมพูชา เมื่อเดือน ก.พ.68 ที่ผ่านมา จับกุมคนไทย 119 คน ส่งตัวกลับไทยมาดำเนินคดีข้อหา "อาชญากรรมข้ามชาติ" จากเมืองปอยเปต ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มี.ค.68 ที่ผ่านมา ทางกัมพูชา ได้เข้ากวาดล้างตรวจค้นพื้นที่ 2 จุด ในเมืองปอยเปต ซึ่งเป็นแหล่งที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทย ที่ทำหน้าที่ในการหาคนไทยมาเปิดบัญชีม้าและบัญชีคริปโตฯ และการสแกนหน้าเพื่อหลอกลวงคนไทย รวมทั้งเป็นที่ตั้งของกลุ่มคนไทยขายชาติหลอกลวงคนไทยด้วยกัน สามารถจับกุมคนไทยได้ 63 คน แยกเป็นชาย 41 คน หญิง 22 คน โดยทางตำรวจกัมพูชาได้นำคนไทย 7 คน เป็นชาย 6 คน หญิง 1 คน ซึ่งคาดว่า เป็นระดับสั่งการไปขยายผลดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้อง และส่งคนไทยจำนวน 56 คน กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย
จากการตรวจสอบของทางตำรวจไทย พบว่าคนไทยทั้งหมด 56 คน มีหมายจับ 5 คน เกี่ยวข้องกับ case ID 1,154 คดี มูลค่าความเสียหาย 709,495,881 บาท และในการเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อ ไม่พบว่าบุคคลเหล่านี้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์แต่อย่างใด ผู้ที่ถูกส่งตัวกลับมาเดินทางข้ามช่องธรรมชาติโดยผิดกฎหมาย จำนวน 53 คน ไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศผ่านช่องตรวจคนเข้าเมืองอย่างถูก และทุกคนไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายตามร่างกาย โดยผู้ต้องหาส่วนใหญ่มีพฤติการณ์ในลักษณะคล้ายกันคือ เริ่มต้นจากการถูกชักชวนผ่านสื่อโซเชียลฯให้ไปทำงาน จากนั้น ได้ถูกพาไปเปิดบัญชีธนาคารโดยรับค่าจ้างประมาณ 3,000-5,000 บาทต่อบัญชี และเดินทางข้ามชายแดนผ่านช่องทางธรรมชาติไปฝั่งปอยเปต พักคอยเพื่อรอสแกนหน้าในการโอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์
จากการสอบถามหนึ่งในผู้ต้องหา ให้การว่า ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวได้มีการรวบรวมม้ารับจ้างเปิดบัญชี โดยจะมีรถมารับถึงที่บ้านไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด แล้วนำพาข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย ก่อนจะให้ไปอยู่รวมกันที่ตึกทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ที่เมืองปอยเปต สถานที่ดังกล่าวมีการจัดแบ่งพื้นที่พักอาศัย แยกตามเพศชายและหญิง ภายในบ้านมีการจัดเตรียมฟูกสำหรับการพักอาศัย รวมถึงมีการจัดหาอาหารให้โดยผู้รับจ้างจะต้องเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์และบัญชีทรัพย์สินดิจิทัล เพื่อใช้ในการถ่ายเททรัพย์สินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ล่าสุด วานนี้ (31 มี.ค.68) ศาลอาญาได้อนุมัติออกหมายจับทั้งหมดจำนวน 54 คน ตามคำร้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในข้อหา “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , ร่วมกันเป็นอั้งยี่ , ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จฯ” ขณะนี้ได้ถูกควบคุมตัวตามกระบวนการทางกฎหมายแล้ว
พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบอย่างเข้มข้น ทำให้กลุ่มขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทย ไม่สามารถที่จะใช้ช่องกระบวนการคัดแยกเหยื่อ เพื่อกล่าวอ้างว่า เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ เพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดีจากการที่ไปร่วมกันหลอกลวงคนไทยได้อีกต่อไป และต้องขอขอบคุณทางนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชา ที่ได้สั่งการให้กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทย ที่ไปลักลอบตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา และส่งคนไทยเหล่านี้มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีของไทย ได้มีการหารือกันอย่างใกล้ชิดกับทางนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา เพื่อกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทยลักลอบตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา มาหลอกลวงคนไทยในประเทศไทยให้หมดสิ้นไป - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สงกรานต์พัทยาวุ่น นทท.ต่างชาติยกมือขอไม่ให้ฉีดน้ำใส่ พึ่งไปสักมา โดนต่างชาติด้วยกันเอาปืนฉีดน้ำทุบเบ้าตาแตก
