ก.อุตสาหกรรมส่งต่อ “คดีซินเคอหยวน” ให้ DSI ยอมรับเกินขีดความสามารถกระทรวง
ก.อุตสาหกรรมส่งต่อ “คดีซินเคอหยวน” ให้ DSI ยอมรับเกินขีดความสามารถกระทรวง

กระทรวงอุตสาหกรรม โยน คดีซินเคอหยวน ให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ตามความผิด พ.ร.บ.โรงงาน +วัตถุอันตราย รับ เกินขีดความสามารสืบสวนขยายผล ส่วนขณะนี้ ซินเคอหยวน ยังถูกพักใบอนุญาต ความผิดยังไม่ถึงขั้นสั่งปิดโรงงานได้
(10 เม.ย. 68) กระทรวงอุตสาหกรรม แถลงข่าวถึงการสืบสวนเบื้องต้น จากกรณีเหล็กก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน โดย นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและ โฆษกกระทรวง, นายวิโรจน์ โรจน์วัฒนชัย ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย, นายเอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายสุนทร แก้วสว่างรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม, และนางวิรงรอง พรพิมลเทพ ผู้อำนวยการกองกฎหมายและสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
นายพงศ์พล กล่าวแถลงว่า กระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งมั่นปราบธุรกิจธุรกิจศูนย์เหรียญ ที่ทำให้คนไทยสูญเสียรายได้ โอกาสในการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องของอุตสาหกรรมที่โรงงานไม่ได้มาตรฐานเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนรวมทั้งคุณภาพสินค้าในประเทศ
โดยเฉพาะเหตุการณ์ตึกถล่ม กระทรวงอุตสาหกรรมได้ตรวจสอบเหล็กเส้นจำนวนสองขนาดตามที่ปรากฏเป็นข่าวของสื่อมวลชน การเข้าตรวจสอบในวันที่ 19 ธันวาคม 2567 โดยคณะทำงานสุดซอยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งอายัดผลิตภัณฑ์เหล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน จากบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัดไว้ก่อนหน้านี้
สำหรับการตรวจสอบเหล็กในไซต์ก่อสร้างนั้น นายพงศ์พล เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (11 เมษายน) คณะทำงานทีมสุดซอย พร้อมด้วยกรมสอบสวนคดีพิเศษ สภาวิศวกรรมสถานแห่งชาติ จะเข้าไปเก็บตัวอย่างเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งหลังจากนี้การสอบจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง จะไม่ได้เปิดให้บริษัทผู้ผลิตได้อุทธรณ์เรื่องคุณภาพเหล็ก เหมือนสองครั้งที่ผ่านมา โดยย้ำว่ากระบวนการเป็นไปตามระเบียบของกระทรวงอุตสาหกรรม
สำหรับแผนการเข้าไปเก็บตัวอย่างเหล็กในพื้นที่ก่อสร้าง อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน นายเอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยมีการวางรูปแบบไว้สี่จุดโดยรอบพื้นที่ของอาคาร ยึดหลักการในการเก็บตัวอย่างแบบเดียวกัน นอกจากนี้ สมอ.จะเก็บตัวอย่างเหล็กจากเสาปูน
นอกจากนี้ได้มีการตรวจสอบค่าไฟที่บริษัทฯ ใช้ก่อนหน้านี้ เป็นเงอน 133 ล้านบาทต่อเดือน แต่ปัจจุบันเหลือหลักแสนและหลักล้าน ซึ่งลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่ค่าน้ำลดลงน้อยมาก ซึ่งสงสัยว่าโรงงานมีระบบหล่อเย็นที่ต้องเดินเครื่องไว้ตลอดเวลาหรือไม่ อีกทั้งยังพบความผิดปกติในการต่อขยายโรงงาน ที่ไม่มีการขออนุญาต EIA ก่อน
นายพงศ์พล เปิดเผยอีกว่า จะมีการยกระดับการตรวจสอบ ให้เรื่องของบริษัทฯ เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากมีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติโรงงาน ที่มีความเสียหายต่อสินค้าอุตสาหกรรม มูลค่าเกิน 10 ล้านบาท รวมไปถึงพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย ที่ครอบครองไว้เกิน 50 ตัน ซึ่งพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับนี้มีอยู่ในแนบท้ายของกฎหมายกรมสอบสวนคดีพิเศษ อีกทั้งคดีดังกล่าวมีความยุ่งยาก ซับซ้อน เกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายฉบับ จึงควรมีเครื่องมือพิเศษที่ใช้ในการสืบสวนสอบสวน
สุดท้ายหากรับเป็นคดีพิเศษแล้ว พบว่ามีการกระทำความผิดจริง จะมีโทษ จะมีการส่งหนังสือเตือนก่อน แล้วจะมีเวลา 30 วันในการปรับปรุงข้อบกพร่อง ก่อนที่จะถูกพักใช้ใบอนุญาตในการประกอบกิจการหสกไม่ดำเนินการต่อ หรือรุนแรงสุดจะดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตถาวร
ขณะที่ผลของการติดตามของข้อมูล ที่กระทรวงอุตสาหกรรมให้บริษัทฯ ชี้แจงถึงการจำหน่ายเหล็กข้ออ้อยที่ตกมาตรฐาน ว่าจำหน่ายออกไปที่ใดบ้าง นั้น ได้รับการตอบกลับมาวันที่ 7 เมษายน ว่าบริษัทไม่ได้เป็นผู้จำหน่ายให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างอาคาร สตง. โดยตรง และไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะให้ข้อมูล เพราะบริษัทถูกปิดดำเนินการในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามไม่มีการยื่นเอกสารอื่นแนบท้าย กระทรวงฯ ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และครบถ้วน ซึ่งทีมกฎหมายจะนำประเด็นนี้ไปดำเนินการพิจารณาต่อ
สำหรับข้อมูลวัตถุอันตรายในการผลิต หรือฝุ่นแดง จำนวน 43,000 ตันที่พบในโรงงาน อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ก็ยังไม่ไดรับเอกสารขี้แจงกลับ นอกจากนี้ นายพงศ์พล เปิดรายงานบันทึกการครอบครองฝุ่นแดงของบริฯ โดยพบว่า ในปี 2558-2565 มีการขออนุญาตเก็บครอบครองไว้ 2,245 ตัน มกรามกราคมแต่ในเดือนมกราคม 2568 มีการขออนุญาตนำออก จำนวน 49,700 ตัน
สำหรับการเพิกถอนสิทธินโยบายและมาตรการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เบื้องต้น นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ลงนามเพื่อส่งให้คณะกรรมการ BOI เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว เนื่องจาก รัฐมนตรีเห็นว่าอาจจะมีการทำผิดเงื่อนไขการลงทุนตามมาตรา 54 และไม่ปฏิบัติตามกฏหมายสำคัญ ส่วนจะมีการเพิกถอน หรือระงับใบอนุญาต BOI ขึ้นอยู่กับการดุลยพินิจของคณะกรรมการ BOI ที่จะสีการพิจารณาในวันพรุ่งนี้
สำหรับมาตรการในอนาคต ขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลายแขนง และจะดำเนินการสืบสวนในชุดเล็กต่อไป พร้อมยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับบริษัทฯ ส่วนการตัดเหล็กจะดำเนินการตัดในส่วนที่เสียหายน้อยที่สุด เพื่อให้ได้ให้คงค่าถูกต้องในการตรวจสอบ และการที่บริษัทฯ ขอให้นำตัวอย่างเหล็กไปตรวจสอบกับหน่วยงานอื่นนั้น กระทรวงยืนยันว่าทุกอย่างเป็นการตรวจสอบตาม มอก. อีกทั้งมองว่า การวัดขนาดมวลต่อเมตรของเหล็กตัวอย่าง ยิ่งได้เปรียบเพราะมีการใช้งาน ผ่านการก่อสร้างมาแล้ว
ส่วนมาตรการระยะยาว นายเอกนัฏ อาจจะมีการพิจารณาในการปรับปรุงมาตรฐานเหล็กเส้นเส้น ที่มาจากเตาหลอมแบบ IF ซึ่งถูกผลิตออกมาขายกว่า 50% ในตลาดประเทศไทย และเป็นเทคโนโลยีรุ่นเก่าไม่สามารถเผาเหล็กให้กลับมาบริสุทธิ์ได้เทียบเท่ากับเตาแบบ EF ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ผู้ประกอบการไทยใช้มาก่อนหน้านี้ แต่อย่างไรก็ตามอยากจะให้ความเป็นธรรมว่าเตา IF สามารถผลิตเหล็กที่มีคุณภาพได้แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณภาพวัตถุดิบและองค์ประกอบ
ผู้สื่อข่าวถามถึงโรงงานบริษัทผลิตเหล็ก ในเครือ บริษัทซิน เคอ หยวน ที่กำลังก่อสร้างในจังหวัดปราจีนบุรี ว่าจะมีการทบทวนการขอใบอนุญาต BOI หรือไม่นั้น นายสุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ตอบว่า การอนุญาตมีสองส่วน คือการก่อสร้างสร้างภายใต้นิคมอุตสาหกรรม ที่กฎหมายเฉพาะดูแลอยู่ แตาหาดตั้งอยู่ภายนอกจะมี พ.ร.บ.โรงงานดูแล ส่วน BOI เป็นสิทธิประโยชน์ และเป็นไปตามการพิจารณาของ BOI
ส่วนการควบคุมโรงงานเหล็กที่ใช้เตาหลอมแบบ IF นั้น นายพงศ์พล กล่าวว่า ผู้ประกอบการไทยก็เริ่มหันมาใช้เตาประเภทนี้ ประมาณ 10 โรงงาน แต่การปรับปรุงมาตรฐานอุตสาหกรรมก็เป็นการปรับปรุงในกฎกระทรวง สามารถแก้ไขได้ไหลลื่นมากกว่าพระราชบัญญัติฉบับอื่น ซึ่งรัฐมนตรีได้ดูถึงภาพรวมว่า ส่งผลกับผู้ประกอบการไทยอย่างไรบ้าง และจะนำมาเป็นข้อมูลในการพิจารณาประกอบ หากเป็นไปได้ นายเอกนัฏก็บอกว่าอยากให้เลิกใช้เทคโนโลยีประเภทนี้ออกไป แต่หากเลิกใช้ไม่ได้ก็ทำให้มีการผลิตขนาดเล็กลงและมีการสุ่มตรวจให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหล็กที่อาจตกค่ามาตรฐานและมีการออกจำหน่ายนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมสามารถเรียกคืนได้หรือไม่ นายพงศ์ ทุกวันนี้ก็ส่งช้าแทบจะเป็นนักสืบเอง คอยเสาะหาประเด็นเอง แล้วตอนคิดว่าหากให้กรมสอบสวนคดีพิเศษมาร่วมพิจารณา และใช้อำนาจในการตรวจสอบของข้อมูลมากกว่าสิ่งที่กระทรวงจะทำอยู่ แล้วจะทำให้การสอบสวนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้านนายเอกนิติ กล่าวเสริมว่า การขยายผลเพื่อเรียกกลับสินค้ากลับทั้งหมด ขึ้นอยู่กับพยานและหลักฐานที่ชัดเจน และต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ขายด้วย
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
