ชาวนาถามถ้าให้ปลูกกล้วย มีงบสนับสนุนปรับพื้นที่ไหม?

(7 มี.ค. 68) จากกรณีที่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ตอบกระทู้ถามสดในสภาผู้แทนราษฎรเรื่องมาตรการช่วยเหลือชาวนา ที่ขณะนี้ราคาข้าวตกต่ำ โดยนายพิชัยชี้แจงว่าทางกระทรวงกำลังเร่งหาตลาดรับซื้อข้าวรายใหม่อยู่ พร้อมเสนอทางเลือกด้วยการปรับเปลี่ยนพื้นที่ จากปลูกข้าวเป็นปลูกกล้วยหอมส่งขายประเทศญี่ปุ่น ที่มีความต้องการนำเข้ากล้วยสูง และไทยเองยังส่งไปขายได้ไม่ถึงครึ่งของโควตาที่ได้รับ

ผู้สื่อข่าว จ.นครสวรรค์ และ จ.ชัยนาท ได้ลงพื้นที่สอบถามความเห็นจากชาวนาตัวจริงเสียงจริง ว่าคิดเห็นอย่างไรกับข้อเสนอดังกล่าว

นายชด ชาวนา หมู่ที่3 ตำบลหนองเต่า อำเภอเก้าเลี้ยว  จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมไถที่ดินสำหรับทำนาปรังรอบใหม่ในเดือนเมษายนที่จะถึง เพื่อที่การทำนารอบสองจะทันเก็บเกี่ยวก่อนช่วงฤดูน้ำหลาก บอกกับผู้สื่อข่าวว่าในพื้นที่ตำบลหนองเต่าจะเป็นที่ลุ่มต่ำและมีนาข้าวถูกน้ำท่วมเป็นประจำเกือบทุกปี

ที่ดินส่วนใหญ่ของชาวบ้านตำบลหนองเต่าจะสามารถทำนาได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำจากทางภาคเหนือทั้งจากแม่น้ำยม  และ แม่น้ำน่าน  โดยแต่ละปีจะมีน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่นาอยู่เป็นประจำเพราะฉะนั้นชาวนาต้องรีบลงมือทำนาและเกี่ยวข้าวให้ทันช่วงฤดูน้ำหลาก

ในขณะเดียวกันก็มองว่าหากภาครัฐเข้ามาส่งเสริมให้ปลูกพืชชนิดอื่นโดยเฉพาะกล้วยคงเป็นไปได้ยากเพราะกล้วยเป็นพืชไม่ชอบน้ำ ประกอบกับชาวนาจะถนัดเพียงการทำนาเท่านั้นหากให้ปรับเปลี่ยนอาชีพก็คงเป็นเรื่องยากและต้องเริ่มกระบวนการเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด  ในขณะเดียวกันก็ไม่มั่นใจว่าพืชที่ภาครัฐส่งเสริมจะสามารถทดแทนรายได้จากการทำนาหรือไม่เพราะไม่รู้จะนำไปขายตรงไหนหรือมีพ่อค้ารับซื้อแบบข้าวหรือไม่

ขณะที่นายสมพงษ์ ชาวนาในพื้นที่ ต.ธรรมามูล อ.เมือง จ.ชัยนาทกล่าวว่า ตนเองอยากที่จะปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นๆแทนข้าวจากปัญหาราคาข้าวและราคาปัจจัยการผลิตอยู่แล้ว แต่ถ้ารัฐบาลจะส่งเสริมเรื่องนี้จริงๆ อยากให้ทำเป็นโครงการส่งเสริมอย่างเป็นรูปธรรม

เพราะการจะปรับเปลี่ยนนาข้าวไปปลูกกล้วยจะต้องใช้ทุนในการปรับพื้นที่ เพราะการปลูกกล้วยจะปลูกลงผืนนาโดยตรงไม่ได้ เพราะกล้วยไม่ชอบน้ำแช่ราก จะทำให้ตาย จึงต้องมีการยกร่อง และดินนาไม่เหมาะที่จะปลูกกล้วยลงไปในทันที เพราะมีความเหนียวและแน่นจากสภาพดินที่เสียความร่วนเพราะปลูกพืชเชิงเดี่ยวมานาน จึงต้องมีการฟื้นฟูปรับสภาพดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์ 

ดังนั้นถ้าเปลี่ยนมาปลูกกล้วย จะต้องใช้เงินทั้งทำท้องร่อง ทั้งปรับสภาพดินต่อไร่ ต้องใช้ทุนหลายพันบาท และต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-6 เดือน สภาพดินจึงจะพร้อมลงหน่อกล้วย และจะต้องใช้เวลา1ปีกว่าที่จะเก็บผลผลิตได้ จึงอยากให้รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือระหว่างที่รอกล้วยออกหวี 1 ปีด้วย เพราะถ้าทำนาข้าว 1 ปีจะมีรายได้ถึง 2-3 รอบ แต่กล้วยต้องลงทุนรอ 1 ปี ถ้ารับบาลมีมาตรการที่จูงใจเชื่อว่า จะมีเกษตรกรจำนวนมากเปลี่ยนจากปลูกข้าวมาปลูกกล้วยแทน