“แพทองธาร” สวน “วิโรจน์” อายุน้อยแต่เสียภาษีมากกว่า

“แพทองธาร” สวน “วิโรจน์” อายุน้อยแต่เสียภาษีมากกว่า

43124 มี.ค. 68 16:41   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

“แพทองธาร” สวนกลับ “วิโรจน์” ยืนยันสัญญา PN ทุกฉบับทำถูกต้อง ทรัพย์สินของครอบครัวถูกตรวจสอบเข้ม ตนอายุน้อยแต่เสียภาษีมากกว่า ขอฝ่ายค้านอย่าสร้างความเกลียดชัง - “วิโรจน์” ลุกสวน เสียภาษีมากน้อยไม่เกี่ยว ที่น่ารังเกียจคือเทคนิคเลี่ยงภาษี

(24 มี.ค. 68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงประเด็นอภิปรายของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ในประเด็น ทรัพย์สินของนายกรัฐมนตรี มีตั๋ววสัญญาซื้อหุ้น PN 9 ใบ ที่นายวิโรจน์ระบุว่าเป็นการเลี่ยงการภาษีผู้รับ  โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า


“ในตอนเช้านี้มีท่านสมาชิกอภิปรายที่เข้าใจว่าตนเองเป็นจอมยุทธ เข้าใจผิดการใช้สำนวนโวหารให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน เอาเรื่องภาษีคนละหมวดมาอธิบายให้เกิดความสับสน ยืนยันว่าการปฏิบัติและเจตนาทุกอย่างทำไปอย่างตรงไปตรงมา ถูกต้องตามกระบวนการทุกอย่าง การกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีคนนี้หนีภาษี ไม่เป็นความจริง จริงๆแล้วเป็นเรื่องตรงข้าม แม้จะอายุน้อยกว่า แต่ดิฉันเชื่อว่าดิฉันเสียภาษีมากกว่าท่าน”


ส่วนเรื่องบัญชีทรัพย์สิน หนี้สิน ต่อ ป.ป.ช นับตั้งแต่ที่ดำรงตำแหน่ง ได้ยื่นต่อ ป.ป.ช ครบถ้วนตามขั้นตอน ตอนนี้ยื่นคำร้องการตรวจสอบ ซึ่งอยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ยินดีเป็นอย่างดีและเต็มใจที่จะแสดงหลักฐานให้ความร่วมมือทุกประการ จนกว่าป.ป.ช.จะได้ข้อสรุป ส่วนการทำธุรกรรมก่อนดำรงตำแหน่ง ทรัพย์สิน กิจการของครอบครัว และทรัพย์สินและหนี้สินของดิฉัน ถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น มาตั้งแต่ปฏิวัติรัฐประหาร เข้มข้นมาโดยตลอดไม่มีตอนไหนที่ไม่เข้มข้นเลย ทุกบัญชี ทุกธุรกรรม อยุ่ในการจับตา เปิดเผย และโปร่งใสมานานมากแล้ว ที่ถูกตรวจสอบทั้งหมดถูกต้องตามกฎหมายทั้งที่ดินทุกแปลงทุกตารางวา ออกฉโนดโดยรัฐ ไม่มีซื้อที่ดินไม่มีโฉนด  


นายกรัฐมนตรี ชี้แจงเพิ่มเติมถึงการออกตั๋วสัญญา PN  ว่า “การทำธุรกรรมหุ้นเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 ก่อนเข้าสู่การเมืองหลายปี ความตั้งใจปรับโครงสร้างการถือหุ้นบริษัท ผ่านการซื้อตั๋วสัญญาใช้เงิน PN เป็นหนังสือให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้เงินให้กับอีกบุคคลหนึ่งตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ หนังสือนี้ได้ติดอาการแสตมป์ตามกฎหมาย การซื้อแบบนี้บางรายการไม่เสียภาษีเพราะยังไม่ได้ชำระเงิน ไม่ทราบจำนวนทำให้ยังชำระภาษีไม่ได้ เป็นภาระหนี้สินของดิฉันต่อครอบครัวที่เป็นผู้ขาย ชัดเจนแล้วว่าไม่ได้เป็นนิติกรรมอำพราง เพราะถ้าจะเกิดการซื้ออขาย ยอดหนี้จะต้องแสดงให้ชัดเจน ในบัญชี ได้ยื่น ป.ป.ช. ตรวจสอบแล้ว เช่นกัน”


นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า วิธีการออกตั๋ว PN หรือปรับโครงสร้างไม่ใช่เรื่องใหม่ ทำกันมาเป็นปกติ ให้ลองถามสมาชิกฝ่ายค้าน ว่ามีใครทำธุรกิจนี้ไหม ทำตั๋วสัญญาใช้หนี้ไหม  “ที่สมาชิกอ้างว่า เรื่องนี้กลายเป็นแหล่งทุจริตข้าราชการผู้ใหญ่จะออกตั๋วใช้กัน  มองว่าเป็นเรื่องที่จินตนาการเล็กน้อย แต่จริงแล้วก็เยอะเหมือนกัน  ซึ่งตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นการทำตามกฎหมาย ดำเนินการเปิดเผยกับผู้ซื้อผู้ขายรับภาระหนี้สินต่อกัน  ไม่มีการกระทำนอกกฎหมาย เพราะไม่มีกระบวนการนอกกฎหมายที่ไหนที่เลือกใช้วิธีออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ซึ่งไม่สามารถทำได้  การเลือกวิธีออกตั๋วสัญญาใช้เงิน แทนการรับให้ เพราะเป็นการทำธุรกรรมธุรกิจอย่างเปิดเผย ไม่สามารถแอบทำได้ ต้องทำถูกกฎหมาย ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องบรรลุนิติภาวะเรียบร้อยแล้ว”


ส่วนเรื่องของปรับโครงสร้างหุ้น จำเป็นต้องใช้การสัญญา เพราะไม่พร้อมในการใช้เงินเป็นการทำตั๋วสัญญาใช้หนี้แทน ซึ่งได้มีการพูดคุยในครอบครัว ว่ามีวางแผนที่จะชำระ ซึ่งรอบแรกจะชำระในภายปีหน้า เมื่อเกิดการซื้อขาย ก็จะปรากฏในทรัพย์สิน ป.ป.ช. ตรวจสอบได้ทุกอย่างเช่นกัน โปร่งใส อย่างไรก็หลบการจ่ายภาษีไม่ได้ 


สำหรับปมที่ดินสนามกอล์ฟอันไพน์ นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า “เกิดขึ้นมานานมาก ครอบครัวซื้อที่ดินแปลงนี้ตอนดิฉันอายุ 11 ปี ไม่ได้เป็นกรรมการบริษัท ไม่แน่ใจว่าท่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจตั้งแต่ตอนนั้นเลยหรือไม่ การซื้อขายที่ดินคของครอบครัวไม่เคยซื้อที่ดินที่ไม่เคยออกฉโนดโดยหน่วยงานรัฐ เราต้องทราบอยู่แล้วว่าถูกกฎหมายและต้องทำ หลังจากนั้นมีคดีความเป็นไปตามกระบวนการจนกระทั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่เคยไปสั่งหน่วยงานไหนให้แทรกแซง เพราทำไม่ได้ ท่านอาจจะไม่เข้าใจกระบวนการทำงานที่แท้จริง เลยไม่เข้าใจ เพราะแทรกแซงแบบนั้นไม่ได้ อาจจะต้องอธิบายเพิ่มเติมในอนาคต”


ส่วนปมพิพาท ที่ดินเขากระโดง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นกรณีพิพาทระหว่างกรมที่ดินและการรถไฟ ในฐานะที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรีจะกำชับเรื่องนี้เป็นอย่างดี เป็นธรรมกับพี่น้องประชาชน ทุกขั้นตอนจะต้องถูกต้องตามกฎหมาย กระบวนการ “ยืนยันว่าจะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง เข้ากระบวนการตามระบบระเบียบจริง ไม่เช่นนั้นจะเกิดความวุ่นวาย ไม่อยากให้เรื่องอ่อนไหว เกิดความสับสน แตกแยกในสังคม จริงๆแล้วเราเป็นคนรุ่นใหม่ก็ควรจะพร้อมรับฟังใครที่มีผลงานเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ควรจะชื่นชมบ้าง อย่างน้อยๆเราก็เป็นคนไทยเหมือนกัน มั่นใจว่าทุกคนก็หวังดีเหมือนกัน การพูดให้เกิดความเกลียดชัง แตกแยก คิดว่า เราแต่ละคนเป็นผู้มีวุฒิภาวะไม่ควรทำ”


ทางด้าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ลุกขึ้นเพื่อใช้สิทธิพาดพิงระบุว่า “ท่านนายกจะเสียภาษีมากกว่าใคร นั่นเป็นหน้าที่ของท่านนายกอยู่แล้ว ผมมั่นใจว่าคนไทย 60 ล้านคน หรือมากกว่านั้น เสียภาษีน้อยกว่านายกฯ ทั้งนั้น แต่ท่านกลับไปดูมาตรา 50(9) ของรัฐธรรมนูญ บุคคลมีหน้าต้องเสียภาษีตามที่กฎหมายบัญญัติ”


“เสียภาษีมากน้อยไม่ได้สำคัญครับ ตราบใดที่ประชาชน เสียภาษีตามกฎหมาย เขาถือว่าทำได้ถูกต้อง ตาม รธน. แล้วครับเสียภาษีมาก แต่หาเทคนิคในการหลบเลี่ยงต่างหาก ที่น่ารังเกียจครับ”



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat