เขื่อนเจ้าพระยาคงการระบายทะลุ 1,300 ลบ.ม./วินาที น้ำท้ายเขื่อนทรงตัว

วันที่ 30 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำ ที่เขื่อนเจ้าพระยา ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท กุญแจสำคัญในการ

บริหารจัดการน้ำลุ่มภาคคกลาง ล่าสุดพบว่าปริมาณน้ำเหนือที่ไหลลงเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่จุดวัดน้ำ C2 หน้าค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ ล่าสุด (เวลา 15.00 น.) วัดได้ 1,324 ลบ.ม./วิ(ลูกบาศเมตรต่อวินาที) โดยระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาทรงตัวต่อเนื่องล่าสุดวัดได้ 15.86 ม.รทก.(เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง) ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาได้เพิ่มอัตราการระบายน้ำจาก1,300 ลบ.ม./วิ ขึ้นไปที่ 1,349 ลบ.ม./วิ เพื่อสร้างพื้นที่ว่างในลำน้ำ รับมวลน้ำเหนือที่กำลังไหลบ่าลงมาสมทบและลดผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อน ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนยกตัวขึ้น 18 ซ.ม.ในรอบ 6 ชม. ซึ่งล่าสุดวัดได้ 12.28 ม.รทก. 

โดยกรมชลประทานมีแผนที่จะปรับการระบายน้ำขึ้นไปอยู่ในเกณฑ์ 1,400 ลบ.ม./วิ วันนี้ ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนสูงขึ้นอีก10-30 ซ.ม.ใน 24 ชม.ข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบกับพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ริมคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ควรยกของขึ้นที่สูง และเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ และติดตามประกาศทางราชการอย่างใกล้ชิดต่อไป

ขณะเดียวกันชาวบ้านในพื้นที่ชุมชนท้ายเขื่อนเจ้าพระยาก็เริ่มคลายความกังวลลง หลังจากที่แผนการบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทานสามารถควบคุมการไหลของน้ำได้โดยไม่เกิดปัญหาเอ้อล้น ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นว่าปีนี้จะไม่ต้องถูกน้ำท่วมเหมือนปีก่อนๆ 

นายทรงโปรด มณฑา ชาวบ้าน ม.2 ต.ตะหลุก อ.สรรพยา จงชัยนาท เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ดูจากสภาพน้ำเหนือและการจัดการน้ำของเขื่อนเจ้าพระย และกรมชลประทานแล้ว ปีนี้ตนมั่นใจว่าชุมชนท้ายเขื่อน เจ้าพระยา พื้นที่ ต.ตะหลุก น่าจะรอดพ้นที่จะถูกน้ำท่วมได้ หรือถ้าดวงไม่ดี มีพายุเข้ามาก็น่าจะท่วมไม่หนักหรือไม่นาน จึงค่อนข้างที่จะผ่อนคลายมากกว่าปีก่อนๆสำหรับสถานการณ์น้ำในปีนี้