คลื่นพิโรธซัดบ้านเกาะลิบงพัง 15 หลัง ชาวบ้านไร้ที่อยู่

คลื่นพิโรธซัดบ้านเกาะลิบงพัง 15 หลัง ชาวบ้านไร้ที่อยู่

58818 ก.ย. 67 22:44   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

สำรวจหมู่บ้านมดตะนอย เกาะลิบง จ.ตรัง หลังเผชิญคลื่นสูง 4 ม. ถล่มบ้านพัง 15 หลัง ชาวบ้านวอนรัฐช่วยเหลือ

(18ก.ย.67) ที่ บ้านมดตะนอย หมู่ 3 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พร้อมด้วย นายณัฐวัฒน์ ทะเลลึก หรือ ผู้ใหญ่คาน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 , เจ้าหน้าที่จาก อบต.เกาะลิบง ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์คลื่นทะเลสูง 3 - 4 เมตร ซัดถล่มบ้านเรือนชาวบ้านริมทะเล ที่ส่วนใหญ่มีเอกสารสิทธิ์ เช่น ส.ค.1 , น.ส.3 เสียหายไปทั้งหมด 15 หลัง แบ่งเป็นเสียหายพังลงไปทั้งหลัง 8 หลัง เสียหายบางส่วน 7 หลัง โดยพบเห็นสภาพมีเศษซากปรักหักพังกระจายทั่วพื้นที่ ข้าวของทรัพย์สินบางส่วนที่ขนย้ายไม่ทันกระจายอยู่ 



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนบ้านที่พังบางส่วนและจ่อที่จะถูกคลื่นซัดอีกนั้น ชาวบ้านอยู่กันอย่างผวาและหวาดระแวง พร้อมทั้งได้ย้ายคนในครอบครัวออก ย้ายทรัพย์สินออก เนื่องจากหวาดกลัว ไม่กล้าอยู่ และต่างช่วยกันเก็บและถอดโครงสร้างบ้าน เช่น กระเบื้องหลังคา ไม้โครงสร้าง ประตู หน้าต่าง เพื่อเก็บไว้ใช้ต่อในภายภาคหน้า 


ขณะเดียวกันตลอดชายหาด ต้นไม้ เช่นต้นสน ต้นมะพร้าวขนาดใหญ่ล้มลงมาอีกหลายต้น โดยในวันนี้มีทาง อบต.เกาะลิบง ฝ่ายปกครองในพื้นที่ ได้เข้ามาช่วยเหลือเบื้องต้น และนำรถแบ็กโฮ มาปรับพื้นที่ และนำเอาต้นไม้ที่ล้มมาขวางป้องกันแรงคลื่นไว้ชั่วคราว


ทั้งนี้เมื่อช่วงเดือน ก.ย. 2566 ปีที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่และมีการนำเสนอข่าวมาแล้วเช่นกัน โดยช่วงนั้น คลื่นทะเลรุนแรงในลักษณะเดียวกัน แต่น้อยกว่าครั้งนี้ ได้ซัดบ้านริมชายหาดมดตะนอย เสียหายยับไปแล้วกว่า 5 หลัง พร้อมทั้งมีการเรียกร้องไปยังรัฐบาล ภาครัฐ และผู้แทน เข้าช่วยเหลือแก้ปัญหา แต่จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังคงไม่มีการเข้ามาช่วยแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรมให้กับชาวบ้านแต่อย่างใด



นายอนุพงษ์ เต็มโคตร หรือ เอก อายุ 39 ปี ชาวบ้าน กล่าวว่า คลื่นสูงกว่า 3 - 4 เมตร ได้ซัดขึ้นมาในวันนี้รุนแรงมากในรอบ 10 กว่าปี ครั้งนี้ภายในวันเดียวทำให้บ้าน 10 กว่าหลังคาเรือนต้องพังถล่มลงทันที และที่รอคิวจะถล่มซ้ำอีกหลายหลัง และในพรุ่งนี้ (19 ก.ย.) นี้และวันต่อไปน้ำทะเลหนุน คลื่นจะสูงหนักและแรงกว่าวันนี้เสียอีก 


"ไม่ขออะไรมาก ขอแค่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือเพราะเดือดร้อนจริง ๆ ไฟไหม้บ้าน ยังมีที่อยู่ แต่คลื่นซัดหมดไปทั้งบ้านทั้งที่ดิน ไม่มีที่จะอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่ที่เดือดร้อนบ้านพัง ต้องไปขออาศัยบ้านญาติพี่น้องอยู่ บางรายก็ไปเช่าบ้านอยู่อาศัย" นายอนุพงษ์ กล่าว



นายอนุพงษ์ บอกอีกว่า ต่างก็ไร้ที่อยู่ สิ้นเนื้อประดาตัว บางหลังก็เก็บข้าวของทัน บางหลังก็เก็บไม่ทัน เพราะคลื่นมาเร็วมาก เพียงแค่วันเดียวคลื่นได้ซัดที่ดินบนฝั่งลงไปกลายเป็นทะเลเข้ามาไม่ต่ำกว่า 20 เมตร ขอให้รัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลช่วยเหลือในเรื่อง 1.ที่ดินที่จะไปอยู่อาศัยใหม่ 2.เงินสร้างบ้าน แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับตน 


"คนจนเหมือนตนไม่มีอะไรเยอะมีเงินเก็บหนึ่งก้อนไว้สร้างบ้าน แต่สุดท้ายบ้านหายไปกับสายน้ำ ได้แต่เพียงร้องไห้ น้ำตาแห้งไม่เหลือที่จะร้องแล้ว อธิบายความรู้สึกเป็นคำพูดไม่ได้ เสียใจที่เราทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นภัยธรรมชาติ มีเพียงแค่น้ำใจเท่านั้นที่จะเข้ามาช่วยได้" นายอนุพงษ์ กล่าว 



นายอนุพงษ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บอกจะเข้ามาทำพนังป้องกันคลื่น แต่ต้องรออนุมัติงบกว่า 4 ปี แต่ชาวบ้านรอไม่ได้ นี่ขนาดปีเดียวบ้านหายไปขนาดนี้ 4 ปี จะเหลืออะไรให้ชาวบ้านอยู่ นี่แค่ 1 - 2 ปี ทะเลซัดเข้ามาเกือบจะถึงถนนในหมู่บ้านแล้ว ในอดีตเลยผืนดินเดิม อยู่เข้าไปในทะเล ณ ปัจจุบันนี้ประมาณ 100 กว่าเมตรที่คลื่นทะเลได้ซัดเข้ามาในห่วงระยะเวลาประมาณเกือบ 10 ปี 


"ที่ผ่านมาทะเลกัดเข้ามาทีละนิด แต่ช่วงหลังนี้กัดเข้ามาเยอะมาก และบ้านที่พังถล่มไปในทะเลในอดีตก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้กว่า 20 หลังคาเรือนมาแล้ว ซึ่งยอมรับคลื่นรุนแรงทวีคูณขึ้นมาเรื่อยๆ หากไม่มีการป้องกัน และภาครัฐช่วยหาที่อยู่ใหม่ให้" นายอนุพงษ์ ระบุ 



ด้าน นางวลัยพร ติ้งเก็บ อายุ 45 ปี ชาวบ้าน กล่าวว่า ต้องการให้ทางภาครัฐ หน่วยงานด้านบน ลงมาดูบ้างว่าพวกเราลำบากกันยังไง อยู่ไม่ได้แล้ว ต้องการให้จัดหาที่อยู่ใหม่ให้ คนที่อาศัยบ้านที่ได้พังลงไปในวันนี้ จะหาที่อยู่ใหม่ก็หากันแทบไม่ได้เลย บางครอบครัวที่ไปเช่าบ้าน ก็ต้องเอาครอบครัวอื่นไปอยู่ชั่วคราวด้วย ก็เท่ากับว่าบ้านเช่า 1 หลังต้องอยู่กัน 3 - 4 ครอบครัว ต้องช่วย ๆ กันไปก่อนเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่มีที่จะอยู่ 


นางวลัยพร กล่าวอีกว่า มูลค่าความเสียหายบ้านแต่ละหลังราคาประมาณ 2 - 4 แสนบาท กว่าจะปลูกสร้างขึ้นมาได้ก็ใช้เวลาเกือบชั่วชีวิต และไม่รู้เมื่อไรจะหาเงินจากไหนมาสร้างใหม่ได้อีก บอกความรู้สึกไม่ถูกเลย มันจะร้อง พูดอะไรไม่ออก จุกในอก นึกถึงก็ไห้ออกมาเป็นน้ำตา ทรัพย์สินก็พอจะเก็บทันบ้าง ที่ไม่ทันก็ต้องปล่อยไป หลายหลังจ่อจะพังอีก 



"ปัญหาที่หนัก ๆ ก็ 2 - 3 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้พร้อมมากถ้ามีการจัดหาที่ให้อยู่ใหม่ ถ้าเร่งรัดได้ยิ่งดี อีกอย่างกระทบกับการงานมากเลย แทบไม่ได้ทำงานกัน ข้าวสารก็แทบจะไม่มีเงินซื้อ" นางวลัยพร กล่าว


ขณะที่ น.ส.อรพรรณ เขากรม อายุ 26 ปี เจ้าของบ้านสีเหลืองที่พังทั้งหลัง กล่าวว่า ได้เพียงแค่ยืนดูบ้านพังลงมา ทำอะไรไม่ได้พังลงมาเร็วมาก คลื่นเมื่อวาน (17 ก.ย.) เล็กน้อย แต่วันนี้หนักมากพังไปทั้งหลัง รู้สึกเสียใจ ใจหาย บ้านเก็บสะสมสร้างมา อยู่มาหลายปี แต่กลับมาพังลง มูลค่าบ้านตนประมาณ 2 แสนบาท ย้ายของกันไม่ทัน เอาเท่าที่ได้ออกไปก่อน ตอนนี้ตนก็ต้องไปขออยู่อาศัยกับน้องสาว ซึ่งเช่าบ้านอยู่ เพราะบ้านน้องสาวก็พังเช่นกัน     


ส่วน นายณัฐวัฒน์ ทะเลลึก หรือ ผู้ใหญ่คาน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 กล่าวว่า ที่สำรวจพื้นที่ร่วมกับทาง เจ้าหน้าที่อบต.เกาะลิบง มีบ้านเสียหาย 15 หลัง พังทั้งหลัง 8 หลัง พังบางส่วน 7 หลัง คิดว่าคลื่นจะรุนแรงขึ้นกว่านี้อีก ปัญหาเรื่องนี้เกิดมาตั้งแต่ปี 2561 เริ่มกัดเซาะมาทีละนิด แต่มาถึงปัจจุบันนี้หลักขึ้นมาก 


ผู้ใหญ่คาน บอกอีกว่า ครั้งนี้หนักสุดตั้งแต่ตนจำความได้ที่เสียหายเยอะขนาดนี้ ซึ่งชาวบ้านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากได้ที่อยู่อาศัยใหม่ เพราะชุมชนนี้เป็นชุมชนแออัด อยากฝากไปยังรัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล กำหนดพื้นที่ขยายให้ชาวบ้านได้อยู่อาศัย เพราะตอนนี้ประชากรในชุมชนมดตะนอยมีอยู่ 367 ครัวเรือนประชากร 1,100 กว่าคน ซึ่งยังไม่รวมประชากรที่อยู่รวมกันในครอบครัวเดียว 


ผู้ใหญ่คาน บอกด้วยว่า และชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบวันนี้ประมาณ 50 - 60 คน ขณะนี้ตนก็ได้ประสานไปยังนายอำเภอ ไปยังผู้ว่าฯ และทาง อบต.เกาะลิบงก็เข้ามาดูแลช่วยเหลือชาวบ้าน และบ้านที่พังทั้งหลัง และพังบางส่วนในเบื้องต้นแล้ว ส่วนแผนระยะยาวหากไม่มีการก่อสร้างพนังกั้นคลื่น หรือย้ายคนออกไป


"มองว่า 4-5 ปีข้างหน้า หากไม่มีการเข้ามาแก้ไข ชุมชนตรงนี้ตนมองว่าอาจจะกลายเป็นทะเลไปทั้งหมด และเคยมีโครงการของโยธาธิการและผังเมือง ที่จะทำเขื่อนพนังป้องกันคลื่น แต่ก็เงียบหายไป จึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแลตรงนี้ด้วย" ผู้ใหญ่คาน ระบุ 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง