นศ.ตกเป็นเหยื่อกว่า 200 คน มิจฯหลอกกักตัวแล้วรีดค่าไถ่ที่บ้าน

นศ.ตกเป็นเหยื่อกว่า 200 คน มิจฯหลอกกักตัวแล้วรีดค่าไถ่ที่บ้าน

100810 ต.ค. 67 17:03   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

แค่ 2 เดือน นักศึกษา มทส.ถูกหลอกกว่า 200 คน แก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ โทรมาขู่-ให้กักตัวคุยเรื่องคดี ก่อนบีบให้รีดค่าไถ่จากที่บ้าน รวมความเสียหายทุกคนกว่า 3 ล้านบาท

(10 ต.ค. 67) เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 5 อาคารรัฐสีมาคุณากร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) อ.เมือง จ.นครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ร่วมกับสถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ได้จัดกิจกรรมเสวนา ให้ความรู้ ในหัวข้อ “SUT รู้ทันกลลวง คอลเซ็นเตอร์ ภัยร้ายใกล้ตัว” นำโดย พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง


มาบรรยายให้ความรู้แก่ผู้ร่วมฟังเสวนา ทั้งนี้ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์มาใช้อุบายหลอกนักศึกษาให้ไปเช่าหอพักกักตัว แล้วหลอกให้ผู้ปกครองโอนเงินให้นักศึกษา ก่อนที่นักศึกษาจะโอนเงินให้มิจฉาชีพ ซึ่งมีนักศึกษา มทส.ตกเป็นเหยื่อกว่า 200 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 3 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่ามีนักศึกษามหาวิทยาลัยอื่น ทั้งในพื้นที่ จ.นครราชสีมา และในพื้นที่ภาคเหนือ ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพในลักษณะนี้ด้วยอีกหลายร้อยราย


โดยนายอรรถวุฒิ ภูคำวงษ์ ที่ปรึกษาหอพัก มทส. เปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 1 ส.ค. – 30 ก.ย. 67 มีนักศึกษา มทส.ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพกว่า 200 ราย ซึ่งพฤติกรรมของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ครั้งนี้ จะทำงานกันเป็นทีม โดยลำดับเหตุการณ์คือ


1.ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โทรศัพท์หาผู้เสียหาย ทำเป็นว่ามีหมายเลขบัตรประชาชนไปเกี่ยวข้องคดีต่างๆ อาชิเช่น ไปติดตั้งอินเตอร์เนตบ้านไม่ชำระเงินที่ต่างหวัด เว็บพนันออนไลน์ เว็บสื่อลามกอนาจาร เเล้วเเต่มิจฉาชีพจะสร้างสถานการณ์ข่มขู่ให้เหยื่อเกิดความหวาดกลัว เกี่ยวกับคดีต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น


2.หลังจากเหยื่อหลงเชื่อมิจฉาชีพ กลุ่มนี้จะให้เหยื่อไปหาสถานที่เงียบๆ คนเดียวสนทนาโดยไม่ให้มีบุคคลที่ 3 อยู่ด้วย และสั่งห้ามบอกใครเด็ดขาด ออกกลอุบายให้เหยื่อไปเช่าห้องพักกักตัวเองเพื่อพูดคุยคดีความ เหยื่อบางรายกักตัวเอง 7 วัน โดยมิจฉาชีพจะใช้จิตวิทยาพูดคุมเหยื่อผ่านออนไลน์ พร้อมห้ามบอกใครว่าพักอยู่ที่ไหน


3.หลังจากเหยื่อดำเนินการต่างๆ เสร็จ เริ่มทำตามแผนโดยให้เหยื่อโอนค่าการดำเนินคดีก่อน และควบคุมเหยื่อผ่านออนไลน์ตลอดเวลา 24 ชม. ซึ่งมิจฉาชีพจะทำหน้าที่เข้าเวรเปลี่ยนกันควบคุมเหยื่อทางออนไลน์ หลังจากนั้นจะให้เหยื่อหลอกลวงผู้ปกครองสร้างสถานการณ์ต่างๆ ในการหาเงินมาให้ เช่น ให้เหยื่อถ่ายรูปปัจจุบันแล้วตกแต่งภาพผ่านเเอปต่างๆ ว่าเหยื่อโดนทำร้ายร่างกาย หรือให้เหยื่อพิมพ์ข้อความว่าถูกจับตัวหรือหายตัวออกจากหอ แล้วส่งไปให้ผู้ปกครอง พร้อมสั่งให้เหยื่อพิมพ์ข่มขู่ผู้ปกครองตนเองเพื่อให้ได้เงิน หากผู้ปกครองคนไหนหลงเชื่อก็จะโอนให้เหยื่ออย่างรวดเร็ว เพราะมิจฉาชีพใช้เหยื่อเป็นเครื่องมือในการติดต่อผู้ปกครอง ไม่ได้ให้ติดต่อตนเองเพราะถ้าผู้ปกครองโอนโดยตรงก็จะเกิดข้อสงสัยของปลายทางว่าเลขบัญชีใครอาจจะไม่โอน เลยต้องใช้บัญชีเหยื่อเป็นเครื่องมือและให้เหยื่อโอนเงินให้กลุ่มมิจฉาชีพอีกที


4.หลังจากนั้นมิจฉาชีพจะโทรหาผู้ปกครองโดยได้เบอร์จากเหยื่อนั้นเอง ข่มขู่ว่าลูกติดพนันออนไลน์ให้นำเงินมาใช้หนี้ หรือถูกจับเรียกค่าไถ่บ้าง แล้วเเต่จะสร้างสถานการณ์ หากผู้ปกครองหลงเชื่อขาดสติก็จะเสียทรัพย์ทันที เหตุการณ์ใกล้ตัวกลยุทธของมิจฉาชีพทุกวันนี้เปลี่ยนเเปลงมีทุกรูปแบบ เคสนักศึกษาล่าสุดนี้ดีที่ไปช่วยได้ทันเหตุการณ์ รู้ที่พักของเหยื่อที่ถูกหลอกไปเช่าอยู่ เเจ้งผู้ปกครองและคนรอบข้างได้ทันการณ์ห้ามโอน แต่ก็มีการเสียทรัพย์จำนวนหนึ่ง เคสนี้เสียเงิน 33,000 บาท แต่มีบางเคสที่ไปเช่ารีสอร์ตซึ่งอยู่ห่างไกลมหาวิทยาลัย ทำให้ติดต่อไม่ได้ และมีนักศึกษารายหนึ่งที่ถูกหลอกเสียเงินมากที่สุดมากถึง 5 แสนบาท ขณะที่เมื่อวันที่ 27 ก.ย.67 วันเดียว มีเคสนักศึกษา มทส.ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ 3 ราย เสียเงินไปกว่า 6.9 แสนบาท ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าถ้ารวมความเสียหายของเหยื่อทั้งหมดกว่า 200 คน จะมากกว่า 3 ล้านบาท


5.มิจฉาชีพมีการให้เหยื่อตายใจโอนเงินให้ค่าเช่าห้องพักเพื่อถ่วงเวลาให้เหยื่ออยู่กักตัวเองต่อและหาเเนวทางให้เหยื่อโกหกหลอกให้ผู้ปกครองโอนเงินให้ได้มากที่สุด และจะอ้างว่าทำเรื่องทางคดียังไม่เสร็จ ซึ่งเงินก็คือเงินเหยื่อที่โอนให้จำนวนก่อนหน้านี้


หลังจากนี้ทางหอพักมหาวิทยาลัยฯ จะมีการแจ้งข่าวสาร เตือนนักศึกษาหลากหลายช่องทาง เช่น ติดประกาศตามหอพัก, ติดตามประตูห้องน้ำในหอพักทุกห้อง, แจ้งเตือนผ่านกลุ่มไลน์หอพักและกลุ่มไลน์ผู้ปกครอง และแจ้งเตือนและขอความอนุเคราะห์ให้หอพักเครือข่าย มทส.และหอพักรอบมหาวิทยาลัยสอดส่องดูแลเด็กในหอพักอย่างใกล้ชิด


พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง กล่าวว่า กรณีนี้มีนักศึกษา มทส.ตกเป็นเหยื่อกว่า 200 ราย โดยบางส่วนจะเป็นการหลอกให้ซื้อของออนไลน์ แล้วได้ของไม่ตรงปก แต่ที่สูญเสียเงินมากๆ จะเป็นกลุ่มที่ถูกมิจฉาชีพปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งว่านักศึกษาเกี่ยวข้องกับคดีต่างๆ เช่น คดีพนันออนไลน์ ซึ่งวัยรุ่นหลายคนอาจจะเคยเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่มิจฉาชีพขู่ว่าจะถูกดำเนินคดีข้อหาหนักหลายข้อ เช่นคดีการฟอกเงิน โยงกับพ่อค้ายาเสพติด เพื่อให้เหยื่อเกิดความหวาดกลัว


แล้วอ้างว่าจะสามารถช่วยเคลียร์ดีให้ได้ แต่ต้องทำตามที่บอก ทำให้นักศึกษาหลงเชื่อโอนเงินไปให้มิจฉาชีพจำนวนมาก ซึ่งตนยืนยันว่าความผิดลักษณะนี้เป็นความผิดเล็กน้อย ไม่ต้องกลัว แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่มีนโยบายโทรศัพท์มาแจ้งข้อกล่าวหา แต่จะมีการออกหมายเรียกให้เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาเท่านั้น หรือถ้าสงสัยก็ขอให้กล้าเข้ามาหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.ใกล้เคียง อาจจะนำเบอร์โทรศัพท์ หรือแคปหน้าจอของผู้ที่โทรศัพท์หามาที่ สภ. เพราะทุก สภ.จะสามารถตรวจสอบให้ได้ว่าคนที่โทรศัพท์มา เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือปลอม อย่าเพิ่งหลงเชื่อโอนเงินไปเป็นอันขาด เพราะถ้าโอนเงินไปแล้วจะไม่มีโอกาสได้เงินคืนแน่นอน



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง