พบชายต้องสงสัย ติดเชื้อแอนเเทรกซ์ หลังเปิบก้อยดิบ

พบชายต้องสงสัย ติดเชื้อแอนเเทรกซ์ หลังเปิบก้อยดิบ

169730 พ.ค. 68 17:58   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

พบชายต้องสงสัย ติดเชื้อแอนเเทรกซ์ หลังเปิบก้อยดิบ พบมีตุ่มผื่นคันตามร่างกาย ลักษณะขอบแดงตรงกลางเป็นเหมือนหนอง ภายหลังตกสะเก็ดเป็นสีดำ ผู้ว่าเต้น สั่งปศุสัตว์ และสาธารณสุข ดำเนินการตรวจสอบ เร่งด่วน

(30 พ.ค.68) ผู้สื่อข่าวจังหวัดหนองบัวลำภูรายงานว่า พบชายวัย 64 ปี พื้นที่อำเภอโนนสัง ป่วยด้วยอาการมีตุ่มคันที่หลังตามด้วยแขน ท้อง และไหล่ ลักษณะแผล มีขอบแดงตรงกลางเป็นเหมือน มีหนองไหล แต่ภายหลังยุบตัว ตกสะเก็ดเป็นสีดำ ตรวจสอบห้องปฏิบัติการ ย้อม แกรม + ผลลัพธ์เป็น Positive จากการสอบสวนโรคเบื้องต้นของแพทย์ผู้ทำการรักษา พบกิจกรรมเสี่ยงของผู้ป่วยคือ


วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ได้ทำการซื้อ วัวเพศผู้อายุ 8 เดือน มาทำการชำแหละ แบ่งเนื้อกันขาย ไปรับประทาน ผู้ป่วยได้รับมาส่วนหนึ่งจึงไป ประกอบอาหารพื้นเมืองอีสานคือก้อยดิบ โดยมีผู้ร่วมรับประทานด้วย รวม 5 คน


ผู้ป่วยเล่าว่า วันที่ 25 พฤษภาคม 2568 เริ่มมีอาการคันที่หลังและบ่าไหล่ พบมีตุ่ม จึงได้เกา ต่อมา จึงเริ่มมีตุ่มลามที่หน้าท้องและแขนบริเวณข้อศอก ด้านซ้ายมือ


วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 เมื่อพบมีตุ่มลุกลามเพิ่มจึงตัดสินใจเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลโนนสัง

ทางโรงพยาบาลโนนสังจึงรายงาน ส่วนเกี่ยวข้องทราบ


หลังรับรายงาน นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู สั่งการให้ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด ร่วมกับ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ดำเนินการสอบสวนโรคติดตามผล


อย่างไรก็ตามจากกันตรวจสอบเบื้องต้น ทางแพทย์ผู้ทำการรักษาและหน่วยงานปศุสัตว์จังหวัดหนองบัวลำภู ยังบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสำหรับเชื้อที่พบจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนว่าเป็นเชื้อเเอ็นเเทรกซ์จริงหรือไม่ เนื่องจากผลจากการเพาะเชื้อแกรมบวกที่เป็น Positive นั้น เป็นเพียงการพบเชื้อเบื้องต้นซึ่งเกิดจากเชื้อหลายตัว ไม่ใช่แต่เฉพาะ antract เท่านั้น


อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติแม้จะยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเชื้อแอนแทรกซ์ก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ปศุสัตว์จังหวัดและสาธารณสุขจังหวัดจะต้องดำเนินการควบคุมโรค ตรวจสอบผู้สัมผัสเสี่ยงสูงตรวจสอบสัตว์ร่วมฝูง ซึ่งมีจำนวนอีก 9 ตัว เพื่อหาว่ามีเชื้อหรือไม่ เพื่อเป็นการป้องกันและจำกัดขอบเขตการแพร่ระบาดไว้ก่อน


ขณะที่ นายอำเภอโนนสัง ร่วมกับ สำนักงานปศุสัตว์อำเภอโนนสัง สำนักงานสาธารณสุขอำเภอโนนสัง ลงพื้นที่ หมู่บ้านที่เกิดเหตุในตำบลหนองเรือ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านหลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ดิบ และให้ตรวจสอบสัตว์เลี้ยงเช่นวัวควาย หากมีอาการผิดปกติไม่ว่าจะป่วยด้วยอาการโรคใดๆให้รีบติดต่อหน่วยงานปศุสัตว์ในพื้นที่ เพื่อตรวจสอบ และหากพบคนที่ต้องสงสัยมีอาการ เป็นแผลตุ่มพองผื่นคัน และลุกลาม ให้แจ้งหน่วยงานสาธารณสุขอำเภอ โดยด่วน


ขณะเดียวกันสำนักงานปศุสัตว์จังหวัด และสำนักงานปศุสัตว์เขต 4 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ คอกสัตว์ร่วมฝูง ที่ตรวจสอบพบว่า ไปซื้อมาฆ่า ปั่นพูด กัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการเจาะเลือดของวัวคอกเดียวกันจำนวน 9 ตัว ส่งไปตรวจพิสูจน์ที่ สำนักงานปศุสัตว์เขต 4 จังหวัดขอนแก่น


นางพา (นามสมมุติ ) เจ้าของคอกสัตว์ที่ขาย “เจ้าตูบ” วัวเพศผู้ อายุ 8 เดือน ไปในราคา 8,000 บาท เล่าว่า ที่ขายวัวตัวนี้ไปเนื่องจากเป็นวัวตัวผู้ ซึ่งตามธรรมดาคนเลี้ยงวัวแล้วถ้าตกลูกมาเป็นวัวผู้ เมื่อได้ราคาก็จะขายไป โดยจะเลี้ยงไว้แต่เฉพาะวัวเพศเมียเพื่อให้ขยายพันธุ์ ตัวที่ขายไปตัวนี้ นิสัย น่ารักแสนรู้ หูใหญ่ห้อยลง ตนจึงเรียก “เจ้าตูบ”ไม่มีอาการส่อว่าจะป่วยแต่อย่างใด 


นางพาและสามี พูดจายืนยันชัดเจนว่าตนไม่เชื่อว่า การที่ชายคนดังกล่าว ทานเนื้อของเจ้าตูบไปแล้วเกิดอาการป่วยนั้น ไม่น่าจะเกิดจาก ทานเนื้อวัวที่ ซื้อไป ทั้งยังเล่าว่าชายคนดังกล่าวนั้น ปกติชอบทานของดิบเป็นประจำ หลังจาก ทานเนื้อเจ้าตูบไปแล้ว ก็ได้ยินข่าวว่ายังไปร่วมงานบุญบั้งไฟที่หมู่บ้านใกล้เคียงซึ่งก็มีการชำแหละวัวดิบๆปันพูด กันด้วยเช่นกัน จึงทำให้น่าสงสัยว่า ชายคนดังกล่าวนี้ ไปติดเชื้อมาจากที่อื่น มากกว่า


นายกฤษณะ ผลไสว นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดหนองบัวลำภู เปิดเผยว่า ที่ออกมาวันนี้เนื่องจากต้องมาตรวจสอบสัตว์ร่วมฝูง เนื่องจากพฤติกรรมของผู้ป่วยให้การรับประทานเนื้อจากสัตว์ร่วมฝูงที่บ้านหลังนี้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่เคยมีการตรวจพบสถานการณ์โรคแอนแทรกซ์ระบาดในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภูมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ของอำเภอโนนสัง ในช่วงที่มีการตรวจพบว่ามีการระบาดของเชื้อแอนแทรกซ์ในพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านนั้น ทางสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดได้ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวัง สถานการณ์การติดเชื้อในพื้นที่มาโดยตลอด สำหรับวันนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการเจาะเลือด สัตว์ร่วมฝูงทั้งหมดที่บ้านหลังนี้ และออกดำเนินการฉีดพ่นสารเคมีเพื่อป้องกันโรค บริเวณที่พบว่าเป็นจุดชำแหละสัตว์ตัวที่ต้องสงสัย เพื่อเป็นการป้องกันและสร้างความสบายใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่


นายกฤษณะ ยังแจ้งเตือนชาวบ้านด้วยว่า เนื่องจากช่วงนี้อยู่ในช่วงที่เข้าหน้าฝนเป็นช่วงที่สัตว์พาหนะโดยเฉพาะวัวควาย อ่อนแอเนื่องจากสัมผัสอากาศเปลี่ยนแปลง จึงขอให้เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ให้ความเอาใจใส่สัตว์เลี้ยงของตน โดยเฉพาะวัวควาย หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไม่กินหญ้า กล้ามเนื้อสั่น หรืออาการอื่นใดที่แสดงว่า ไม่ปกติให้รีบรายงานปศุสัตว์อาสาในพื้นที่โดยรีบด่วน เพื่อทางเจ้าหน้าที่จะได้เข้ามาตรวจสอบ และดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat