คนไทยใจดี! บุกจับคารัง ขอทานกัมพูชา 10 คน เผยได้เงินวันละ 800-1,000 บาท

คนไทยใจดี! บุกจับคารัง ขอทานกัมพูชา 10 คน เผยได้เงินวันละ 800-1,000 บาท

45106 ก.ย. 67 17:20   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

คนไทยใจดี! บุกจับคารัง ขอทานกัมพูชา 10 คน เผยได้เงินวันละ 800-1,000 บาท แต่ละคนที่ใบหน้าเละเกิดจากอุบัติเหตุทั้งแก๊สระเบิดและน้ำกรด เตรียมส่งตัวกลับประเทศ

(6 ก.ย.67) พ.ต.ท.วรปรัชญ์ วุฑฒิรักษ์ รอง ผกก.ดส. พร้อมด้วย พ.ต.ท.หญิง พรรัมภา พัฒนาวาท สว.กก.ดส. , เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปฏิบัติการที่ 2 และ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กันจอมพลัง ได้ตรวจค้นห้องพักทั้ง 3 ห้อง ที่เป็นที่อยู่อาศัยของ กลุ่มขอทาน คนพิการชาวกัมพูชา ก่อนจะนำตัวทั้ง 10 คน ไปสอบสวนขยายผลต่อ ที่ กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี


พ.ต.ท.วรปรัชญ์ กล่าวว่า วันนี้ได้รับการประสานงานจากการจองพลังให้มาตรวจสอบว่ามีกลุ่มชาวต่างชาติประเทศเพื่อนบ้านมาลักลอบขอทานอยู่ในพื้นที่ย่านรามอินทรา กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี ก็ลงพื้นที่มาที่เกิดเหตุก็พบว่า จุดพักอาศัยอยู่ ล็อกห้องไว้ปิดเงียบ แต่พอดีว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเจอกลุ่มของแก๊งชาวกัมพูชาเดินอยู่หน้าปากซอย ซึ่งในตอนแรก ทั้ง 2 คนเห็นตำรวจแล้วก็รีบวิ่งหนี ทำให้มีพิรุธจึงได้วิ่งตาม สุดท้ายก็ได้เบาะแสว่าพักอาศัยที่ห้องเช่าติดกันทั้งหมด 3 ห้องนี้ 


เจ้าหน้าที่พากลุ่มคนกัมพูชามา เปิดห้องเพื่อตรวจสอบ จากการตรวจค้นเข้าพบชาวกัมพูชา 10 คนเป็นผู้ใหญ่ 6 คน และ เด็กอีก 4 คน เป็น (ผู้ชาย 3 คน , ผู้หญิง 3 คน , เด็กชาย 2 คน และ เด็กหญิง 2 คน ) รวมทั้งหมด 10 คน จากการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบเอกสารประจำตัวของแต่ละคน ซึ่งคาดว่าน่าจะหลบหนีเข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมาย 


ขณะนี้ ได้แจ้งข้อกล่าวหา หลบหนีเข้าเมืองโดยที่ไม่มีใบอนุญาต ส่วนความผิดอื่นๆ เช่น จะมีเรื่องค้ามนุษย์เกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะมีการคัดแยกเหยื่อต่อไป


โดยหลังจากนี้ทางตำรวจจะขยายผลอีกครั้ง ซึ่งจะต้องนำตัวทั้ง 10 คน ไปที่ กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี เพื่อไปสอบปากคำและขยายผลต่อ จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นก็พบว่า แต่ละคนที่ใบหน้าเละเกิดจากอุบัติเหตุทั้งแก๊สระเบิดและน้ำกรด ส่วนเรื่องรายละเอียดที่ชัดเจน จะต้องมีการสอบถามกันอย่างละเอียดอีกครั้ง 


กัน จอมพลัง กล่าวว่า ขอชื่นชมทางตำรวจมาก วันนี้ถ้าหากตนไม่ได้ประสานไปที่ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และถ้าหากทีมของ กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี ก็คงกลับบ้านไปมือเปล่า ซึ่งในตอนแรกตนจะกลับแล้ว แต่บังเอิญไปเห็นตำรวจวิ่งไล่จับตัวกลุ่มคนกัมพูชามาได้ ทำให้สามารถขยายผล มาที่ห้องพักทั้ง 3 ห้องนี้ได้ 


ตนทราบมาว่า ภายในซอยรามอินทรา 73 ยังมีกลุ่มคนชาวกัมพูชาที่พิการและทำอาชีพขอทานอีกมากมาย แต่อาจจะมีคนรับออกไปหรือมีคนมาล็อกประตูห้องให้ ซึ่งวันนี้ก็อยากฝากถึงเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อ


“เชื่อว่าวันนี้สามารถเตือนสติคนไทยได้ว่าการต้องมีสติ ไม่ใช่ว่าให้เงิน 20-30 บาท แล้วคิดว่าไม่เป็นอะไร แต่ความจริงแล้ว เขาเอาเด็กมาร่วมขบวนการ เด็กเหล่านี้ควรได้เรียน ได้ใช้ชีวิต น้องว่าควรหยุดให้เงินกลุ่มคนพวกนี้เพื่อที่ขบวนการเหล่านี้จะหายไป และถ้าหากใครพบเห็นก็สามารถแจ้งมาได้ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้”  


นางเล้ง กล่าวว่า ตนมาอาศัยอยู่ ที่ประเทศไทยประมาณ 20 ปีแล้วโดยตอนแรกทำอาชีพเป็นลูกจ้างธรรมดาทั่วไปแต่กระทั่ง 2-3 ปีที่ผ่านมาก็ผันตัวมาทำอาชีพของทาน และได้คบหากับสามีมา 8 ปี โดยสามีก็ทำอาชีพขอทานเหมือนกันและมีลูกด้วยกัน 1 คน 


สาเหตุที่มาทำอาชีพขอทานเพราะไปรู้จักกับเพื่อนชาวกัมพูชาแล้วเขาชักชวนให้มาทำอาชีพนี้ และก็ได้มาอยู่ในซอย รามอินทรา 73 เหมือนกัน วันหนึ่งก็ได้เงิน 100 - 800 บาท เท่านั้น โดยตน มีภาระที่ต้องทำงานส่งเงินกลับไปบ้าน ที่ประเทศกัมพูชาเพราะไปกู้เงินมาสร้างบ้านกว่า 400,000 บาท ต้องจ่ายเดือนละ 8,000 บาท 


หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอค้นบ้านของสองสามีภรรยาคู่นี้แต่ปรากฏว่าเมื่อเปิดไปเจอกับชาวกัมพูชาคนหนึ่งที่อุ้มลูกหลบอยู่ด้านหลังของห้องเช่า ขณะเดียวกันชายคนดังกล่าวได้เปิดโซเชียลดูไลฟ์สดของกันจอมพลังที่ กำลังตามหาชาวกัมพูชาอยู่ด้วย ซึ่งในตอนแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาเคาะบ้านหลังดังกล่าวแล้ว แต่พบว่ามีการล็อกประตูเอาไว้จากด้านหน้า จึงคาดว่าไม่มีคนอยู่ แต่ปรากฏว่าเมื่อเข้าทางด้านหลังบ้าน กลับเจออีกหลายครอบครัว 


จากนั้นได้เจอกับขอทานชาวกัมพูชาเป็นเพศหญิง ที่ใบหน้าเละ หลบอยู่ภายในห้องพักกับลูกชาย 1 คน ซึ่งจากการตรวจสอบห้องพักก็พบว่ามีไพ่อยู่ในกระเป๋า และพบแอลกอฮอล์ตั้งอยู่หน้าห้อง เจ้าตัวอ้างว่า เอามาให้ลูกเล่น 


โดย นางเอ (นามสมมติ) กล่าวว่า ที่ใบหน้าเละแบบนี้เพราะเกิดจากเหตุการณ์แก๊สระเบิดเมื่อ 19 ปีที่แล้ว หลังจากนั้น จึงตัดสินใจมาประเทศไทย โดยมีรถตู้ไปรับที่ชายแดนกัมพูชา คิดค่ารถ 3,000 บาท ยอมรับว่า ตอนนี้ตนเองไม่ได้มีพาสปอร์ตเข้าประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายและทราบว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่นั้นผิดกฎหมาย แต่ก็ไม่รู้ว่าไปทำอาชีพอะไร เพราะว่าอยู่ที่ประเทศกัมพูชาก็ไม่มีรายได้ แต่อยู่ที่นี่ มีรายได้ดีจากการขอทาน เพราะคนไทยเป็นคนใจดี โดยตนได้รายได้ต่อวัน เป็นเงิน 800-1,000 บาท 


ขณะเดียวกันได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าข้างห้องทำอาชีพแบบเดียวกันด้วย บอกว่า “ไปจับห้องนั่นหรือยัง” เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เปิดห้องดังกล่าว จากข้างหลังได้พบว่ามีชายชาวกัมพูชาหน้าเละอาศัยอยู่ภายในห้องมาตลอด ในช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่กำลังเดินตรวจสอบ 


มีช่วงหนึ่งเจ้าหน้าที่ให้โทรหาภรรยาเพื่อมาไขกุญแจด้านหน้า แต่ในระหว่างนั้นพบว่าชายคนนี้แอบลบเบอร์แปลกหน้าในโทรศัพท์ด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเอาโทรศัพท์มาตรวจสอบ ก่อนจะให้โทรเรียกหาภรรยาของตัวเองอีกครั้ง และต่อมาภรรยาได้อุ้มลูกน้อย 1 คน มาแสดงตัว ก่อนจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นห้อง พบว่ามีเงินสดเกือบ 3 หมื่น และมีทองที่ใส่อยู่ในตัวด้วย 


โดย นายบี (นามสมมติ) อ้างว่า ตนมาอาศัยอยู่ที่ไทยประมาณ 5-6 ปี จะไปๆมา ๆ เนื่องจากว่าอยู่บ้านที่ประเทศกัมพูชาแล้วก็ไม่มีรายได้ไม่รู้จะทำอาชีพอะไร เนื่องจากว่า 19 ปีที่ผ่านมา ตนทะเลาะกับเพื่อนแล้วถูกเพื่อนนำน้ำกรดมาสาดหน้าที่กัมพูชา จึงทำให้ต้องมาขอทานที่ประเทศไทย เพราะคนไทยใจดี เวลาเห็นคนพิการก็จะให้เงินตลอด ซึ่งตนก็ได้เงินบางวัน 1,500 บาท ก็เอามาให้ภรรยาเก็บ 


ขณะที่ นางซี (นามสมมติ) ภรรยา กล่าวว่า ตนไม่ได้ต่อพาสปอร์ต เพราะไม่มีเงิน เนื่องจากตนมีลูกน้อยไม่สามารถทำงานได้จึงให้สามีออกไปขอทานข้างนอกและตนเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน 

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง