ปปช.ลงพื้นที่ขนส่งสิงห์บุรี ตรวจสภาพรถและตรวจสอบเอกสารข้อมูลของรถชินบุตรทัวร์
ปปช.ลงพื้นที่ขนส่งสิงห์บุรี ตรวจสภาพรถและตรวจสอบเอกสารข้อมูลของรถชินบุตรทัวร์
ปปช.ลงพื้นที่ขนส่งสิงห์บุรี ตรวจสภาพรถและตรวจสอบเอกสารข้อมูลของรถชินบุตรทัวร์ ส่วนจะมีผู้มีส่วนได้เสีย หรือมีผู้มีอิทธิพลหรือไม่ ไม่ต้องกลัวจะตรวจสอบได้อย่างละเอียด
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ขนส่ง จ.ลพบุรี ได้ติดตาม GPS ของรถทัวร์ชินบุตร จนได้ทราบว่ารถทั้งหมดจำนวน 5 คันได้ไปโผล่ที่ที่อู่แห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.โคกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา จึงได้ประสานงานไปยังสำนักงานขนส่งนครราชสีมา ไปตรวจยึดรถบัสทั้ง 5 คัน และนำไปตรวจสภาพรถเพื่อที่จะอายัดรถในเบื้องต้น
(4 ต.ค. 67) ที่ขนส่งจังหวัดสิงห์บุรี พบรถของบริษัทชินบุตรทัวร์จอดตรวจสภาพรถ โดยคันแรกเป็นรถทะเบียน 30-0412 ผู้ถือครองคือ นายจิรภัทร พบติดตั้งตั้งถังก๊าซทั้งหมด 11 ถัง โดยช่วงหลังคนขับติดถังก๊าซ 4 ถัง ตรงกลาง 1 ถัง และท้ายรถอีก 6 ถัง รถทัวร์เป็นรถชั้นครึ่ง สภาพรถเบาะนั่งค่อนข้างเก่า มีถังดับเพลิงอยู่ตรงประตูหน้า 1 ถัง และประตูกลาง 1 ถัง ส่วนตรงประตูฉุกเฉินท้ายรถ มีที่ทุบกระจกแขวนไว้ 1 อัน ประตูฉุกเฉินเปิดไม่ได้
ส่วนรถอีกคันทะเบียน 30-0357 สิงห์บุรี ผู้ถือครองคือ นางสาวกนิษฐา มีสภาพเช่นเดียวกัน มีร่องรอยการถอดท่อถังก๊าซออก และมีร่องรอยการถอดเบาะตรงประตูฉุกเฉิน
ทางเจ้าหน้าที่ขนส่ง จ.สิงห์บุรี ได้กล่าวว่า “ได้ใช้เสปย์ฉีดตรงกระจกว่าห้ามใช้ เพราะไม่ผ่านการตรวจสอบ ในส่วนของรถคันอื่นที่ไม่ใช่คันของปาณิสรา ถ้าได้ไปปรับปรุงรถให้ถูกต้องตามมาตรฐานเรียบร้อยแล้ว จะสามารถนำไปใช้ได้ตามปกติ แต่ส่วนรถที่เป็นของ น.ส.ปาณิสรานั้น จะไม่สามารถใช้ได้อีกเพราะถูกยกเลิกใบอนุญาตแล้ว
ด้าน นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ป.ป.ช. และคณะ ได้รับมอบหมายจาก นายวิทยา อาคมพิทักษ์ กรรมการ ป.ป.ช. ทำหน้าที่แทนประธานกรรมการ ป.ป.ช นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการ คณะกรรมการ ป.ป.ช. และ นายธนะ อาษาวุธ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสิงห์บุรี ได้มาร่วมตรวจสอบเอกสารการตรวจสถาพรถของขนส่ง จ.สิงห์บุรี และได้ลงมาจากห้องประชุมเพื่อมาตรวจสภาพรถคันดังกล่าว พบว่า รถได้จดทะเบียนครั้งแรก ปี 2513 ที่ขนส่งจังหวัดสิงห์บุรี มีอายุการใช้งาน 53 ปี มีการเปลี่ยนตัวถัง เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่
และพบว่ารถทัวร์ของชินบุตรทัวร์ ที่ตรวจสอบได้ขออนุญาตติดถังก๊าซเพียง 6 ถังเท่านั้น แต่มีการติดตั้งเพิ่มอีก 5 ถัง เป็น 11 ถัง ตรงนี้เองจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย จะตรวจสอบว่าการติดตั้งถังแก๊ส มีวิศวกรรับรองหรือไม่ ซึ่งจะติดตามตรวจสอบอู่ที่รับติดตั้งต่อไป โดยมีรถภายในครอบครองทั้งหมด 6 คัน ส่วนจะมีผู้มีส่วนได้เสีย หรือมีผู้มีอิทธิพลหรือไม่ ไม่ต้องกลัว ป.ป.ช.จะตรวจสอบได้อย่างละเอียด โดยขนส่งจังหวัดสิงห์บุรี ได้สั่งให้มาตรวจสภาพรถทุกคันภายในวันนี้
ด้าน นายสุรศักดิ์ ทัศนสุวรรณ นายช่างตรวจสภาพรถชำนาญงาน รักษาราชการแทนนายช่างตรวจสภาพรถจังหวัดสิงห์บุรี ได้กล่าวว่า การตรวจสภาพรถโดยสารเราจะตรวจปีละ 2 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 6 เดือน การนำเข้ามาตรวจถ้าเป็นรถในจังหวัดเราจะมีการ์ดประวัติ ซึ่งการ์ดประวัติจะมี รูปรถ ขนาดสัดส่วนรถ ว่ามีลักษณะอย่างไร ความสูงเท่าไหร่ แล้วเราก็จะให้กะพริบไฟหน้ารถ ไฟเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ตรวจสอบไฟเบรก หน้าหลัง แล้วเข้าสเตชั่นที่ 1 คือการตรวจวัดเสียง แล้วมาตรวจเข้าเครื่องวัดควันดำ ดูการเคลื่อนไหวของวงล้อเพื่อจะดูระบบเบรกหน้า-หลัง จากนั้นก็จะมาดูบริเวณใต้ท้องรถ เพื่อที่จะดูเพลารถ ดูว่ามีการรั่วซึมของน้ำมัน มีการฉีกขาดของสายไฟ มีร่องรอยการแตกหักของโครงคัซซีหรือเปล่า
ส่วนสเตชั่นสุดท้าย จะดูองค์รวมของรถ เช่น สภาพยางจะต้องไม่ฉีกขาด ไม่มีรอยกรีดหน้ายาง ดอกยางจะต้องไม่น้อยกว่า 1.6 มิลลิเมตร และจะรื้อสะพานยาง โดยบางบริษัทจะมีสะพานยางมาด้วย กระทะล้อต้องไม่มีรอยแตก บิดเบี้ยว นอตล้อต้องครบทุกตัว พอดูสภาพภายนอกเสร็จแล้ว เราก็จะไปตรวจดูด้านบน ถังดับเพลิงต้องมีอย่างน้อย 2 ถัง ถังละ 4 กิโล ค้อนต้องมีอย่างน้อย 4 อัน บริเวณทางออกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นประตูด้านหน้า ตรงกลาง แล้วก็ตรงบริเวณประตูฉุกเฉิน และตรงประตูฉุกเฉินต้องมีป้ายบอกด้วยว่า บริเวณตรงนี้คือประตูฉุกเฉิน สามารถเปิดออกจากด้านในได้ ถ้ารถใช้ก๊าซ NGV เราก็ต้องตรวจสอบถังว่า ถังที่วิศวกรรับรองมา มันตรงกับที่เราได้จดแจ้งไว้ตั้งแต่การจดทะเบียนครั้งแรกหรือไม่ หรือมีการเพิ่มเติมหรือเปล่า อันนี้คือภาพรวม เพราะเราไม่สามารถไปดูด้านในได้ทั้งหมด
จากข้อมูลทราบว่า รถบัสคันที่ 1 ทะเบียน 30-0427 ผู้ถือครองคือ นายทรงวิทย์ รถบัสคันที่ 2 ทะเบียน 30-0411 ผู้ถือครองคือ นางสาวปาณิสรา รถบัสคันที่ 3 รถบัสคันที่ 4 ทะเบียน 30-0357 สิงห์บุรี ผู้ถือครองคือ นางสาวกนิษฐา รถบัสคันที่ 5 ทะเบียน 30-0438 สิงห์บุรี ผู้ถือครองคือ นายณัฐพล และรถบัสคันที่ 6 คันที่เกิดเหตุ ทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี ผู้ถือครองคือ นางสาวปาณิสรา
โดย นายจิรภัทร ซึ่งเป็นบุตรชายของนายทรงวิทย์ มีตำแหน่งเป็นประธานหอการค้า จ.สิงห์บุรี โดยก่อนที่จะเป็นประธานหอการค้า จ.สิงห์บุรี ได้อยู่ในกลุ่ม YEC สิงห์บุรี (Young Enterpreneur chamber of commerce) ซึ่งเป็นโครงการรวมกลุ่มของนักธุรกิจรุ่นใหม่ เพื่อพัฒนาเครือข่ายสมาชิกและธุรกิจของนักธุรกิจรุ่นใหม่ได้เกื้อกูลกัน สร้างความสัมพันธ์ และได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ของกันและกันและมีพัฒนาเตรียมตัวให้กับทายาทนักธุรกิจ โดยยึดคติ ผู้นำต้องสร้างผู้นำ และยังสร้างโอกาสให้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดและประเทศได้ โดยมีการรองรับจาก หอการค้าไทย จึงพัฒนาต่อยอดในระดับต่างประเทศได้อีกด้วย จากการสืบทราบพบว่า พี่เขยของ นายทรงวิทย์นั้น อดีตมีตำแหน่งเป็นขนส่ง จ.ลพบุรี และยังมีเครือญาติที่อยู่ขนส่ง จ.ลพบุรี อยู่อีกด้วย