“เต้น” ประเมินยังไม่มีม็อบใหญ่ไล่รัฐบาล - เดินหน้านิรโทษกรรม

“เต้น” ประเมินยังไม่มีม็อบใหญ่ไล่รัฐบาล - เดินหน้านิรโทษกรรม

40928 ต.ค. 67 16:35   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

“ณัฐวุฒิ” เข้าทำเนียบ เชื่อยังไม่มีม็อบใหญ่ไล่รัฐบาล - เดินหน้าคุยเรื่องนิรโทษกรรม หวังพรรคร่วมฯ เอาด้วย ย้ำจุดยืนต้องไม่สร้างความขัดแย้งเพิ่ม

(28 ต.ค. 67) เวลา 13.00 น. ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในวันนี้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข้องก็มาหลายครั้งแล้วสื่อมวลชน โดยระบุว่าเยี่ยมสื่อมวลชนซึ่งวันนี้ไม่ได้มีวาระในการประชุมหรือมีประเด็นอะไรเป็นพิเศษ


ส่วนมาในวันนี้ไม่ได้พบนายกฯแล้วตั้งแต่มีคำสั่งแต่งตั้ง ตนก็จะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายทั้งเรื่องการประเมินสถานการณ์ข่าวสารการเมืองและความเคลื่อนไหวอื่นๆซึ่งทำงานร่วมกับส่วนต่างๆ นอกเหนือจากนั้นแล้วแต่นายกฯมอบหมายให้ทำภารกิจใดเพิ่มเติม 


ส่วนนายกฯ มอบหมายให้ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่นั้นนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองยังไม่มีปรากฏความเคลื่อนไหว ส่วนผู้ชุมนุมที่มีข้อเรียกร้องเดือดร้อนจากการทำกินการทำมาหากินหรือการดำรงชีพต่างๆ ได้มี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์อยู่แล้วและก็ได้ประสานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง


นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงสถานการณ์กลุ่มการเมืองจะออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้หรือไม่ในฐานะที่ตนเองมีประสบการณ์มาก่อน ว่า ในเรื่องนี้ความเคลื่อนไหวมีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ทั้งการชุมนุมบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ และการรวมตัวแสดงความเห็นต่างๆ รายการชุมนุมขนาดใหญ่หลักหมื่นคนอย่างที่เคยเห็นก่อนหน้านี้ เข้าใจว่ายังไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่ทางรัฐบาลก็ยังไม่มีหน่วยงานใดติดตามความเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นกรณีพิเศษในการแสดงออกและมุ่งเน้นการผลักดันผลงานการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนมากกว่า 


ส่วนภายหลังรับตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกได้มีคำแนะนำใดให้กับรัฐบาลแล้วบ้างนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าสำหรับข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอพูดคุยในวงคณะทำงาน ซึ่งตนเองคงไม่เสนอแนะนายกฯและรัฐบาล ผ่านสื่อ แต่จะเสนอแนะไปตามช่องทางที่เหมาะสม


ทั้งนี้ในเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมจะมีเรื่องใดที่จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวกระทบต่อรัฐบาลหรือไม่นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน ซึ่งไม่มีข้อโต้แย้งในส่วนที่ทุกพรรคเห็นตรงกัน คือเห็นชอบที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อเป็นเครื่องมือในการลดความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา 


แต่ส่วนที่ยังมีความเห็นต่างคือกฎหมายนิรโทษกรรมที่จะออกมานั้น โดยเฉพาะมาตรา 112 ที่ยังมีข้อเห็นต่างอยู่ ซึ่งตนเห็นว่าสภากำลังจะปิดสมัยประชุม และจะมีการพิจารณาผลกฎหมายนี้หรือไม่อย่างไรก็คิดว่าจะอยู่ในสมัยประชุมหน้า


ดังนั้นช่วงเวลาที่ว่างเว้นจากการประชุมสภาตนเองเชื่อว่าพรรคการเมืองต่างๆ ตลอดจนกลุ่มก้อนภาคประชาชนที่เคลื่อนไหวก็จะมีการปรึกษาหารือกันและการจะเดินหน้าเรื่องนี้ หลักการคือจะต้องไม่ไปขยายความขัดแย้งใดๆ เพิ่มตนเองจึงคิดว่าการรักษาบรรยากาศไม่ให้ช่วงเวลานี้ไปมีเงื่อนไขความขัดแย้งใดๆ เพิ่มแต่หากมีการพูดคุยกันซึ่งในพรรคเพื่อไทย มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็ได้มีการพูดคุยว่าจะมีกรรมการยุทธศาสตร์มีกรรมการบริหารและจะหารือและมีข้อสรุปกันว่า จะมีร่างนี้ออกมาประกบหรือไม่ ส่วนอื่นๆก็น่าจะเช่นเดียวกันเชื่อว่าจะมีการคุยกันภายใน ถึงเวลาก็ต้องเอาไปพูดคุยกันในสภาก็ถือเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐสภาที่จะพูดคุยกัน


ส่วนจุดยืนของตนเองต่อเรื่องนี้ตนเองได้แสดงความคิดเห็นหลายครั้งแล้วคือมีจุดยืนเดิม และหวังว่าข้อขัดแย้งที่มีอยู่จะใช้ช่วงเวลานี้ จะมาปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนกันได้ ส่วนมีประเด็นไหนที่รัฐบาลจะต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้เป็นการจุดฉนวนเกิดม็อบขึ้นได้


นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าจะต้องไม่ไปเพิ่มเงื่อนไขความขัดแย้งไปถึงฝ่ายใดจึงเป็นเรื่องหลักที่ทุกรัฐบาลไม่ใช่แค่รัฐบาลนี้ต้องยึดถือปฏิบัติอยู่แล้ว และจะสังเกตเห็นว่าตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา จนมาถึงนายกฯแพทองธาร ก็ไม่มีท่าทีนี้ ขณะนี้เรื่องใหญ่ที่สุดของรัฐบาลคือพยายามผลักดันนโยบายหรือเนื้องานในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชนส่วนความขัดแย้งทางการเมืองๆก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่ใช่ไม่สำคัญแต่การจัดบรรยากาศการจัดเวทีเรื่องนี้มันมีความละเอียดอ่อน ตนคิดว่าให้เป็นเรื่องของพรรคการเมืองและฝ่ายสภาไปว่ากัน ใครมีความคิดเห็นด้านใดก็แสดงออกด้วยท่าทีที่เหมาะสมน่าจะดีที่สุด 


ทั้งนี้ได้พูดคุยกับนายแพทย์เหวง โตจิราการแกนนำนปช.หรือไม่ ภายหลังเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ยังไม่มีโอกาสนั่งพูดคุยอย่างเป็นทางการส่วนตัวแต่ก็มีเหตุผลในการตัดสินใจของตนเองมีวิถีทางในการเลือกเดิน ซึ่งแน่ใจว่าความเป็นตัวของตัวเองในอดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 


“วิธีการคิด วิธีการเดินอาจจะมีการปรับเปลี่ยนบ้างไปตามสถานการณ์ แต่เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาเมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์จากเพื่อนมิตรและพี่น้องตนเองเลือกที่จะเงียบแล้วทำตามสิ่งที่ตนเองเชื่อและเดินตามทางที่เลือกและให้เวลาอธิบายเรื่องทั้งหมดดีกว่า”


สำหรับโครงการดิจิตอล วอลเล็ตและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ดูเหมือนมีความยากขึ้นทั้งที่เป็นนโยบายหาเสียงหลักของพรรคเพื่อไทย จะมีนโยบายใดเพื่อเรียกคะแนนเสียงกลับมาในการเลือกตั้งครั้งต่อไป นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าขณะนี้รัฐบาลกำลังรีบดำเนินการทำงานกันอย่างเต็มที่ซึ่งยังมีเวลาทำงานเกือบ 3 ปีซึ่งประเด็นดังกล่าวที่มองว่ายากอาจจะคลี่คลายง่ายขึ้นและมีผลปฏิบัติได้คือการทำงานการเมืองในรัฐบาลผสมไม่มีอะไรเดินหน้าไปได้ด้วยก้าวใหญ่ๆ เพราะยังมีเรื่องที่เห็นต่างกันก็มีจึงเป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องจะหาทางให้ได้ข้อสรุปร่วมกันและเดินต่อไปได้ ส่วนตนเองมีความเห็นว่าเมื่อพรรคเพื่อไทยตัดสินใจจะเป็นคนจัดตั้งรัฐบาลความรับผิดชอบทั้งหลายต่อปัญหาของประชาชนก็ต้องทำให้เต็มที่ ส่วนจะปรากฏผลงานที่ชัดเจนหรือไม่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง


จากนั้นนายณัฐวุฒิ ก็ได้เดินไปเคารพรูปภาพของนางยุวดี ธัญญสิริ อดีตผู้สื่อข่าวอาวุโส ประจำทำเนียบรัฐบาล ที่เสียชีวิตไปแล้วแต่ยังคงมีภาพนางยุวดีติดไว้บริเวณผนังห้องทำงานของสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล โดยนายณัฐวุฒิเล่าประสบการณ์เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งเป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ถูกนางยุวดีอบรมเรื่องการแถลงข่าวและการทำงานในรัฐบาลมาแล้ว


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง