“ชูศักดิ์” ย้ำเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นนโยบายรัฐบาล
“ชูศักดิ์” ย้ำเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นนโยบายรัฐบาล

“ชูศักดิ์” ย้ำ กม.เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เป็นนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา หลัง “ไชยชนก” ลูกชายคนโตเนวิน ลุกอภิปรายเดือดค้านเต็มประตู
(9 เม.ย. 68) จากกรณีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาของนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแผนการรับมือจากภัยพิบัติธรรมชาติ และผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก และภัยความมั่นคงจากสถานการณ์โลก โดยที่มีช่วงหนึ่งของการนำเสนอระบุว่า
“ผมขอประกาศในสภาทรงเกียรติแห่งนี้ ว่าผมนายไชยชนก ชิดชอบ ลูกชายคนโตของนายเนวิน และนางกรุณา ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย จะไม่มีวันเห็นด้วยกับกาสิโน และไม่ใช่แค่ พ.ร.บ. ฉบับนี้ แต่ทุก พ.ร.บ. หลังจากนี้ แม้กระทั่ง พ.ร.บ. ของพรรคภูมิใจไทยที่เราคิดขึ้นมา และนำเสนอ เพื่อประโยชน์ของประเทศไทยบ้านเกิดเมืองนอน ผมก็จะไม่พิจารณา”
ผู้สื่อข่าวได้นำประเด็นนี้ไปสอบถามนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และมือกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ว่ามีความเห็นอย่างไร นายชูศักดิ์ระบุว่าต้องฟังอีกทีหนึ่งว่าท้ายที่สุดผลจะเป็นอย่างไร การประกาศก็ว่ากันไป แต่ละคนมีสิทธิที่จะพูด ส่วนคำว่าสถานบันเทิงครบวงจร ตนไม่อยากให้ใช้คำว่ากาสิโน เพราะเป็นเพียงส่วนหนึ่ง เพราะหากจะทำเรื่องนี้ไม่ใช่ทำแค่กาสิโนอย่างเดียว ต้องขออนุญาตทำใน 9 ประเภท อย่างน้อย 4 อย่างถึงจะอนุญาตได้ เช่น จะทำสถานบันเทิง สนามกีฬา โรงแรม หรือพูดง่ายๆ จะทำกาสิโนอย่างเดียวไม่ได้
หากจะถามว่าเรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ อันนี้ตนมองว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเมื่อเป็นนโยบายรัฐบาล และแถลงต่อรัฐสภา จึงต้องถามว่า ใครเป็นรัฐบาลบ้าง เพราะก่อนที่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายก็ไปร่วมประชุมกันตกลงว่าจะทำอย่างไร จะแก้รัฐธรรมนูญ จะทำสถานบันเทิงครบวงจร จึงแถลงต่อรัฐสภา จึงต้องพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าไม่ใช่เรื่องพรรคใดพรรคหนึ่งมาทำโดยพลการ แต่เป็นเรื่องของนโยบาย ถ้ารัฐบาลไม่ทำตามนโยบายก็ถูกว่าอีกว่าไม่ทำตามนโยบายที่แถลงไว้
แต่พอสถานการณ์เป็นอย่างนี้แล้วใครจะพูดอย่างไรก็สุดแล้วแต่ แต่รัฐบาลต้องมีความชอบธรรมที่จะพูดว่าสิ่งที่ทำคือนโยบาย แต่เมื่อบอกว่าเลื่อนไปก่อน เพื่อไปพูดจา ทำความเข้าใจให้ชัดเจน ตนมองว่า รัฐบาลก็ทำด้วยความชอบธรรม
เมื่อถามว่านโยบายของรัฐบาลคือการทำแหล่งท่องเที่ยวที่ถูกสร้างขึ้น (Man-made Destination) จะสามารถตัด 10% ของกาสิโนออกไปได้หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า หลักแล้วคือสถานบันเทิงครบวงจร ทั่วโลกเขามีแบบนี้ มันจะมีพวกนี้อยู่ด้วย รัฐบาลก็พยายามอธิบายว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่ง มีอยู่นิดเดียว เมื่อใครจะมาทำก็ต้องทำอย่างน้อย 4 อย่าง มาจดทะเบียนในประเทศไทย มีเงินชำระแล้วไม่ต่ำกว่าหมื่นล้าน ตนก็มองว่าชัดเจนว่าต้องการทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น หาเงินเข้าประเทศ รวมไปถึงให้คณะกรรมการกฤษฎีกายกร่าง โดยยกร่างด้วยความรอบคอบรัดกุม แต่ขณะนี้มีการวิจารณ์กันไป จึงอยากย้อนถามว่า มันเป็นนโยบายของรัฐบาลไม่ใช่หรือ แต่ใครจะไม่เห็นด้วยกับนโยบายรัฐบาลในตอนนี้ก็ไปว่าอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อถามต่อว่าพรรคภูมิใจไทยไม่เอาด้วยกับเรื่องนี้ หากจะหาความชอบธรรมให้ได้ควรมีการทำประชามติหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญจะพูดว่าพรรคนั้นพรรคนี้ไม่เอา ตนยังไม่อยากจะพูดอย่างนั้น เมื่อนโยบายของรัฐบาลมันเป็นแบบนี้ก็ต้องว่ากันไป แต่ถามว่าจะทำประชามติหรือไม่ ก็อีกเรื่องหนึ่ง ประชามติจะทำได้หรือใครจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะต้องอนุมัติ
เมื่อถามว่าร่างกฎหมายดังกล่าว อยู่ในญัตติของสภา แล้วจะสามารถทำประชามติเมื่อใดก็ได้ใช่หรือไม่ เพียงแต่ต้องให้ ครม. เป็นผู้อนุมัติ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ก็ต้องเสนอ ครม. เพราะมันต้องใช้เงินงบประมาณ 3,000 ล้าน ส่วนจะทำประชามติพร้อมกับการแก้รัฐธรรมนูญเลยหรือไม่ ก็แล้วแต่ อันนั้นก็ไปคิดกันในอนาคต แต่ตนว่า ช่วงเวลาสองเดือนกว่าๆ ไตร่ตรองกันให้รอบคอบ
เมื่อถามถึงกรณีที่ สว. ตั้งกรรมาธิการศึกษาล่วงหน้า 180 วัน ให้แล้วเสร็จก่อน จึงจะสามารถพิจารณาได้ในชั้น สว .ได้ใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า กฎหมายประเภทนี้เป็นกฎหมายการเงิน ไม่จำเป็นต้องรอ 180 วัน ซึ่งเขามีข้อบังคับว่าสามารถศึกษาไปก่อนล่วงหน้าได้ ส่วนต้องรอ 180 วันหรือไม่ ก็แล้วแต่เขา ก็ให้พิจารณากันไป เพียงแต่ยับยั้งพัก 10 วัน ไม่ใช่ 180 วัน เหมือนกฎหมายประชามติ
เมื่อถามย้ำถึงเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องนโยบายรัฐบาล แล้วพรรคร่วมรัฐบาลควรเห็นไปในทิศทางเดียวกันใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ ย้อนกลับว่า ก็ลองคิดดูแล้วกัน เพราะตอนแถลงนโยบายของรัฐบาล เมื่อเป็นพรรคร่วมแล้วแถลงมาแบบนี้ ก็ขอให้ไปคิดกันดูว่าเป็นอย่างไร
เมื่อถามต่อว่าพรรคร่วมจะยังอยู่ร่วมรัฐบาลกันได้หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่รู้ ตนไม่ทราบเหมือนกัน ส่วนจะเขย่าเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ ขอให้มองในภาพรวม ตนไม่อยากไปฟันธงว่าพรรคนั้นเอา พรรคนี้ไม่เอา