ฮือฮา!!! พระทำความสะอาดวัด พบซากงูกินหาง 2 ตัว ไม่เน่า โดยหนึ่งตัวเป็นงูเห่าเผือก

ฮือฮา!!! พระทำความสะอาดวัด พบซากงูกินหาง 2 ตัว ไม่เน่า โดยหนึ่งตัวเป็นงูเห่าเผือก

243522 ม.ค. 68 18:08   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

ฮือฮา!!! พระทำความสะอาดวัด พบซากงูกินหาง 2 ตัว ไม่เน่า โดยหนึ่งตัวเป็นงูเห่าเผือก โบราณเชื่อ เป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ มีกินไม่รู้สิ้น

(22 ม.ค.68) สร้างความฮือฮาให้กับสายมู หลังเฟซบุ๊ก Thiti Preamwongsiri ได้โพสต์ภาพบ่วงนาคบาศ หรืองูกินหาง พร้อมระบุข้อความว่า วันนี้ขณะที่หลวงพ่อเก่ง เจ้าอาวาสวัดท่าเสา และคณะภิกษุเข้าทำความสะอาดปรับภูมิทัศน์บริเวณกองไม้ภายในวัด ก็ได้พบกับ #งูกินหาง จำนวน 2 ตัว ซึ่งตายแล้ว แต่ไม่เน่าทั้งคู่ โดยหนึ่งตัวเป็นงูเห่าเผือกอีกด้วย โบราณเชื่อว่า งูกินหางเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ มีกินไม่รู้สิ้น ใครสนใจไปชมก็เชิญที่วัดท่าเสา ต.ท่าเสา อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร



สำหรับ บ่วงนาคบาศ คืออะไร? บ่วงนาคบาศ เป็นเครื่องรางของขลังที่มีความเชื่อกันว่ามีอานุภาพมากมาย โดยเฉพาะด้านโชคลาภและการป้องกันภัย ตามตำนานเล่าขานว่า บ่วงนาคบาศนั้นเป็นศรของอินทรชิต เมื่อยิงออกไปจะกลายเป็นงูรัดศัตรู ต่อมาได้ตกเป็นของพญานาคราช และมีความเชื่อว่าเป็นบ่วงเชือกที่แข็งแรงที่สุด


ลักษณะของบ่วงนาคบาศ

รูปลักษณ์: มักจะทำเป็นรูปงูกินหาง หรือรูปวงกลม มีการลงรักปิดทองเพื่อความสวยงามและเป็นสิริมงคล

วัสดุ: อาจทำจากโลหะ ไม้ หรือวัสดุอื่นๆ ที่มีความเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์

ความเชื่อ: เชื่อกันว่าบ่วงนาคบาศเป็นของขลังที่สามารถนำพาโชคลาภ เงินทองมาให้แก่ผู้บูชา คุ้มครองป้องกันภัย และมีเมตตามหานิยม



ความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับบ่วงนาคบาศ

โชคลาภ: เชื่อว่าบ่วงนาคบาศจะดึงดูดโชคลาภและความร่ำรวยมาให้แก่ผู้บูชา

การป้องกันภัย: เชื่อว่าบ่วงนาคบาศจะคุ้มครองผู้บูชาจากอันตรายทั้งปวง

เมตตามหานิยม: เชื่อว่าบ่วงนาคบาศจะทำให้ผู้บูชามีเสน่ห์และเป็นที่รักใคร่ของคนรอบข้าง

การบูชาบ่วงนาคบาศ


การบูชาบ่วงนาคบาศนั้นขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีการทำความสะอาดและตั้งบูชาในที่สูง โดยมีการจุดธูปเทียนและกล่าวคำบูชาตามความเหมาะสม


ข้อควรระวัง

ความเชื่อส่วนบุคคล: การบูชาเครื่องรางของขลังเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ

ไม่ควรหลงเชื่อจนเกินไป: ควรใช้เหตุผลในการพิจารณาและไม่ควรหลงเชื่อคำโฆษณาที่เกินจริง



ขอบคุณข้อมูลและภาพ : Thiti Preamwongsiri

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง