อลังการ "ธรรมนัส" เล่นใหญ่ นำพาอดีตสส. พปชร. 20 คน เข้าสังกัด "พรรคกล้าธรรม" เตรียมเซอร์ไพรส์ มีสส.เพิ่มเป็น 30 คน

(19 ธ.ค. 67) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.จังหวัดพะเยา พรรคกล้าธรรม พาอดีต 20 สส. พรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวเข้าพรรคกล้าธรรม ว่า ตามที่เป็นข่าวมาโดยตลอด พวกเราก็ได้ตั้งกลุ่มเองว่า มาตามนัดในนามของ 20 คนที่เคยสังกัดอยู่พรรคพลังประชารัฐ วันนี้จึงถือฤกษ์ดียามดีมาแถลงข่าวให้รับทราบ ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่การรวมตัวกันตั้งรัฐบาล ได้ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะสนับสนุนรัฐบาล

ซึ่งที่ผ่านมาตามกฎหมายยังไม่สามารถเข้าพรรคใหม่ได้ แต่เมื่อมีมติของกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐชัดเจน 3 ใน 4 ขับทั้ง 20 คนออกจากพรรค ทำให้เมื่อวานช่วงบ่ายทั้ง 20 คน พร้อมกันไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคกล้าธรรม โดยมีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นหัวหน้าพรรคกล้าธรรม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายทะเบียนและหัวหน้าพรรคก็ได้เซ็นรับเข้าพรรคแล้ว และได้แจ้งให้ประธานสภารับทราบเรียบร้อย ทำให้ขณะนี้มีสมาชิกรวม 24 คน 

ด้านนางนฤมล กล่าวว่า อย่างที่ทราบกันว่าเราเป็นเพื่อน สส. ที่ทำงานร่วมกันมาอยู่แล้ว และมีอุดมการณ์เดียวกัน ยืนยันว่าและจะเดินหน้าทำงานสนองนโยบายนายกรัฐมนตรี และในส่วนของพรรคจะเริ่มดำเนินการกิจกรรมของพรรคทั้งเรื่องจัดหาสมาชิกพรรคเพิ่มเติม รวมถึงกิจกรรมในพื้นที่ 

ร้อยเอกธรรมนัส ยังกล่าวว่า หลังจากนี้จะมีสส.มาเข้าร่วมพรรคกล้าธรรม มากกว่า 30 คน แต่ขอปิดเป็นความลับ โดยขอยังไม่บอกว่ามาจากพรรคใดจากฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน โดยระบุเมื่อถึงเวลาสุกงอมจะเปิดเผยเอง ส่วนการทำงานจะยึดคติ ปากกับใจต้องตรงกัน เพราะ สส.24 คนมีอุดมการณ์เหมือนกัน เราเป็นเพื่อนพี่น้องเสมือนครอบครัว คุยกันมาตลอด

เมื่อถามว่าจำนวนสส.ในตอนนี้มีอำนาจต่อรองกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องการต่อรองไม่ใช่สาระสำคัญ ณ เวลา เป็นพรรคร่วมรัฐบาล จะทำงานตอบสนองความต้องการประชาชน เราในฐานะของสส.ได้นำเสนอผ่านสภา และประสานรัฐมนตรีได้ 

ส่วนการเปิดตัวพรรคกล้าธรรม เป็นพรรคใหม่ แตกต่างจากพรรคเดิมอย่างไร ร.อ. ธรรมนัส ระบุว่าพรรคกล้าธรรมไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่เป็นพรรคเศรษฐกิจไทยเก่า สมาชิกส่วนใหญ่เป็นคนเก่า หลายคนทำงานมาแล้ว 2สมัย ภายใต้การนำของนางนฤมล ที่สร้างพรรค ส่วนตนจะเป็นที่ปรึกษา จะนำพาสิ่งที่เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน 

ส่วนที่พรรคกล้าธรรมเสมือนเป็นอะไหล่พรรคเพื่อไทย ร.อ.ธรรมนัสระบุว่า “ณ เวลา เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล พรรคใหญ่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นโยบายอะไรที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน เราเห็นด้วย เราไม่คัดค้าน ไม่ใช่มีอะไรก็คัดค้านตลอด เราไม่เอา ผมไม่ชอบหล่อคนเดียว” 

ส่วนที่จะยินดีสนองการทำงานรัฐบาลทุกเรื่องหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสระบุว่า “ พรรคร่วมต้องพูดคุยกันก่อน ทุกครั้งที่วาระสำคัญเข้าครม. พรรคไหนไม่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยบ่อย ๆ ก็ควรแยกไป สำหรับเราพรรคกล้าธรรม ยึดผลประโยชน์พี่น้องประชาชนเป็นหลัก เร่ไม่คัดค้าน และไม่เอาไปแอบอ้างโดยเด็ดขาด เรามีหัวหน้าเป็นสุภาพสตรีพร้อมคุยทุกฝ่าย” 

ส่วนการออกจากพรรคพลังประชารัฐนั้น มีดีลอะไรหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส ชี้แจงว่า ตั้งแต่ที่ตนออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จนถึงตอนนี้ตนยังไม่ได้พูดคุยกับใคร รับรองว่าไม่มีดีลแน่นอน ตนยืนยันตลอดเวลาจากคำพูดว่า ตนจะออกมาโดยสันติ ไม่ทะเลาะกับใคร จะทำงานที่สร้างสรรค์ ไม่ทำร้ายใคร ทำการเมืองแบบใหม่ ไม่ทำการเมืองแบบเก่า 

ส่วนมติการออกจากพรรคพลังประชารัฐเชื่อมโยงกับคดีรุกที่ดินภูนับดาวหรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส ชี้แจงว่า ตอนตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งตอนนั้นนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษรได้เปิดประเด็นนี้ ตนในฐานะที่กำกับดูแลที่ดิน สปก. ตนรู้ข้อมูลว่าการครอบครองที่ดินของกลุ่มทุนไม่ถูกต้อง จำเป็นต้องยึดคืนนำมาจัดสรรให้เกษตรกร ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินเป็นหน้าที่ ป.ป.ท. ป.ป.ง. เพราะคณะกรรมการที่ตรวตสอบเป็นคณะกรรมการร่วมที่มีตัวแทนกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน การทำงานไม่สามารถบังคับใครได้

เมื่อถามว่าหากรัฐบาลมีการปรับครม.โอกาสที่จะกลับสู่เก้าอี้กระทรวงอีกครั้งหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า ตนเลยจุดนั้นมาแล้ว ตนไม่ได้เกิดความอยากจะเป็นอะไร เราส่งตัวแทนคือ รศ.นฤมลไปเป็นรัฐมนตรี และ นายอิทธิ ศิริลัทธยากร เป็นรัฐมนตรีช่วย ซึ่งเมื่อวานได้ลงพื้นที่สั่งการปัญหาน้ำท่วมจ.นครศรีธรรมราช 

“เมื่อถามว่าเราอยากเป็นนู้นเป็นนี้ไหม ถ้ามันได้เป็นก็เป็น ถ้ามันไม่ได้เป็นก็ไม่เป็นไร พวกเรา 24 ชีวิต จะทำฝ่ายนิติบัญญัติให้ดีที่สุด”

ส่วนจะมี สส.พรรคพลังประชารัฐจะมาเพิ่มหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า พวกเรายังเป็นพี่เป็นน้อง ถามว่าติดต่อไหม นังติดต่อปกติ