ทบ. ลงโทษวินัยนายทหาร 3 นาย ฟันอาญากำลังพล 13 นาย สั่งซ่อมพลทหารเสียชีวิตในค่าย จ.ชลบุรี

ทบ. ลงโทษวินัยนายทหาร 3 นาย ฟันอาญากำลังพล 13 นาย สั่งซ่อมพลทหารเสียชีวิตในค่าย จ.ชลบุรี

177815 ส.ค. 67 14:30   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

ทบ. ลงโทษวินัยนายทหาร 3 นาย ฟันอาญากำลังพล 13 นาย สั่งซ่อมพลทหารเสียชีวิตในค่าย จ.ชลบุรี ยันจะให้ความเป็นธรรมแก่ครอบครัวผู้เสียหาย โดยไม่ปกป้องผู้กระทำความผิด

จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “nitchanan wangkahat -น้ำ นิชนันท์” โพสต์ข้อความระบุว่า “ทหารเกณฑ์ชลบุรีโดนซ้อม จากการซ่อมวินัยจนเสียชีวิต ทำพิธีเผาศพเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อวานไม่ได้ไปร่วมงานเผา เพราะติดงานเผาศพอีกงาน แต่ได้ไปร่วมฟังงานสวดพระอภิธรรม พร้อมพูดคุยรายละเอียดกับพ่อแม่ของ นาย วรปรัชญ์ หรือน้องเน อายุ 18 ปี เป็นทหารเกณฑ์แบบสมัครใจไปเอง ที่ถูกซ่อมวินัยจนเสียชีวิต ได้ฟังเรื่องราวมาจากพ่อแม่ของน้อง” 


นอกจากนี้ยังเล่าว่า น้องเนเป็นเด็กหนุ่มบ้านโรงโป๊ะ บางละมุง เติบโตมากับแม่และยายหลังจากพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เขาอายุเพียง 2 ขวบ เขาเป็นคนเรียบร้อย ไม่ค่อยพูด และมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นทหารอาชีพเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตและครอบครัว


ทำงานประจำ เป็นลูกจ้างบริษัท ตอนเช้ามืดจะทำขนมไปขายที่ตลาดสดเพื่อหารายได้เสริมมาเลี้ยงครอบครัว น้องเน มักช่วยแม่ทำขนม และช่วยแม่ขายด้วย จนพอโตเป็นวัยรุ่น ก็เลิกช่วยมาขาย แต่ช่วยแม่เลี้ยงน้อง 2 คนอยู่บ้าน และ มีรายได้จากขายเกมส์ของเขาเอง


ด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่ พออายุ ครบ 18 ปี น้องเนตัดสินใจสมัครเป็นทหารเกณฑ์ด้วยความสมัครใจ แม้ว่าจะต้องลดน้ำหนักถึง 10 กิโลกรัมเพื่อให้ผ่านเกณฑ์ รอบแรก เดือน พฤศจิกายน 66 ไปสมัครเป็นเกณฑ์ทหารช่วงแรกมวลร่างกายไม่ผ่าน สัดส่วนน้ำหนักกับส่วนสูงเกิน ทำให้ น้องเน กลับมาลดน้ำหนัก อีก 10 กก. เพื่อ ให้น้ำหนักได้ จนได้เข้าประจำการที่ค่ายนวมินทร์ จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ด้วยความหวังและความฝันที่จะรับใช้ชาติ


“วันที่ 26 พค 2567 ถึงวันพบญาติครั้งแรก แม่และยาย น้อง 2 คน ก็ไปเยี่ยม น้องเน ที่ค่าย แม่เห็นน้องเน น้ำหนักลดลงไปอีก 10 กก ภายใน ไม่ถึง 1 เดือน แม่ถามว่าไหวมั๊ย เขาก็บอกว่าไหว แต่ไม่ได้เล่าเรื่องฝึกอะไรให้แม่ฟังเลย เขาบอกแม่ว่า แม่อย่าทิ้งผมนะ ต้องมาเยี่ยมผมนะ แม่บอกมาแม่ต้องมาเยี่ยมซิ”


แต่โชคร้ายที่ชีวิตในค่ายทหารของน้องเนกลับจบลงอย่างโหดร้าย เมื่อเขาถูกครูฝึกซ่อมวินัยอย่างรุนแรงถึงสองครั้ง ครั้งแรกเขาได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม และครั้งที่สองเขาถูกซ้อมอย่างหนักด้วยไม้ จนส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บสาหัส ทั้งสมองบวม ซี่โครงหัก ปอดฉีกและรั่ว ไหปลาร้าหัก และกระดูกสันหลังหัก


“คืนวันที่ 22 มิถุนายน แม่ได้รับแจ้งว่าน้องชีพจรต่ำ ติดเชื้อในกระแสเลือด ให้แม่ไปที่ ร.พ.ค่ายนวมินทร พอแม่ไปถึงน้องเนไม่ได้สติ ใส่ท่อช่วยหายใจ ร่างกายบวม ทราบผลจากการตรวจของหมอ

– สมองบวม

– ซีโครงหักทั้ง 2 ข้าง

– ปอดฉีก ปอดรั่ว

– ไหปลาร้าหัก

– กระดูกสันหลังหัก”


น้องเนหมดสติและหยุดหายใจนานถึง 14 นาทีก่อนจะถูกนำส่งโรงพยาบาล แม้จะได้รับการรักษาอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายเขาก็เสียชีวิตหลังจากต่อสู้กับอาการบาดเจ็บนานถึง 40 วัน ครูฝึกที่ก่อเหตุพยายามหลบหนีแต่ถูกจับกุมได้ในที่สุด


“ครูฝึก พอรู้ว่าน้องเนเสียชีวิต ก็พยายามหนี จะข้ามฝั่งไปประเทศลาว ไปถึงนครพนม แล้ว ได้ ผู้พัน หัวหน้า ของ น้องเน สั่งทีมทหาร ตำรวจ สกัดและ ให้รวบตัวมาทำคดี


พ่อน้องเน ไปแจ้งความทำร้ายร่างกาย ตอนนั้น น้องเนยังไม่เสียชีวิต อัยการให้ปล่อยตัวครูฝึก ได้รับการประกันตัวออกมา


ครูฝึกปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา ว่าไม่ได้ทำ


แม่มารู้ทีหลังๆน้องเนเสียชีวิตแล้ว ว่าน้องเน ได้แชตคุยกับแฟน บอกแฟนมาโดนตี โดนต่อย อยู่เฝ้าเวรยันเช้า


ตอนนี้ ข้อมูลครูฝึกที่ซ่อมวินัย มีกี่คน เห็นพ่อน้องเนบอกมี 13 คน แต่ ครูฝึกเสนารักษ์ อยู่กับน้องเนคนสุดท้าย และ มาซ้อมรอบที่ 2 พ่อน้องเนก็กำลังเช็คขอมูล ให้ครบถ้วน เพื่อนทหารก็ไม่ค่อยกล้าให้ข้อมูลเท่าไหร่


พ่อแม่น้องรู้สึกเสียใจมาก และรู้สึกโกรธครูฝึกมาก ว่าทำไมต้องใช้ความรุนแรงตีลูกเขาขนาดนี้ ลูกชายเขายังเด็กมากๆ อายุ เพิ่ง 18 ปี แล เขาก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจมากที่อยากเป็นทหาร ทำไมต้องทำโทษกันรุนแรงขนาดนี้ ลูกชายไม่ใช่คนหัวรุนแรงเลย เรียบร้อยมาก ออกจะเป็นคนหัวอ่อนด้วยซ้ำไป แต่ทำไมทำกันขนาดนี้ ถ้าลูกชายไม่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติที่จะฝึกทหารไม่ได้ ก็ควรแจ้งบอกตรงๆ แม่พร้อมที่จะไปรับลูกชายกลับมาอยู่บ้านได้เลย


พ่อแม่น้องเน บอกว่า ก็ขอให้แยกแยะว่า ผู้พัน หัวหน้าของน้องเนพูดจาดีมาก ช่วยและประสานงานทุกอย่างรวมทั้งตามจับ ครูฝึกที่จะหลบหนีข้ามฝั่งทางช่่องทางธรรมชาติไปประเทศลาว จนรวบตัวมาได้ และช่วยเหลือเรื่องงานศพอยู่ ก็หลังงานศพเสร็จแล้ว จะมีการติดตามเรื่องคดีความอย่างไร จะแจ้ง ให้ทราบอีกที่ แม่น้องเนขอให้น้องเนเป็นศพสุดท้าย ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้กับลูกใครอีก


ถ้าฝ่ายทหารมีข้อมูลที่แตกต่างจากที่เล่ามาก็แจ้งมาได้ค่ะ ยินดีรับฟังข้อมูล และนำเสนอข้อเท็จจริง จากทุกฝ่าย


ขอแสดงความเสียใจ และ ขอบคุณที่พ่อแม่น้องเน ยินดีให้ข้อมูลข้อเท็จจริงจากฝ่ายพ่อแม่ที่ได้มา


สิ่งที่อยากเห็นคือ กระทรวงกลาโหม ควรตั้งคณะกรรมการจากข้างนอก พร้อม กระทรวงยุติธรรม มาสืบสวน สอบสวน ข้อเท็จจริง และการนำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย ไม่ต้องขึ้นศาลทหาร ให้ขึ้นศาลพลเรือน เหมือนคดีอาญาทั่วไป


อยากเห็นการปฎิรูประบบซ่อมวินัยทหารเกณฑ์ที่ใช้ความรุนแรง และละเมิดสิทธิมนุษย์ชน จนถึงขั้นเสียชีวิต จะแก้ไขอย่างไร? จะแก้ไขเมื่อไหร่?”




(15 ส.ค.67) กองทัพภาคที่1 ชี้แจงกรณีพลทหารค่ายนวมินทราชินี จ.ชลบุรี เสียชีวิตจากการถูกลงโทษในระหว่างการฝึก จากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์และสื่อของสำนักข่าวต่างๆ กล่าวถึงกรณีที่พลทหารของหน่วยทหารในค่ายนวมินทราชินี จ.ชลบุรี เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากถูกลงโทษในระหว่างการฝึกนั้น กองทัพภาคที่ 1 ขอชี้แจงข้อเท็จจริงให้สังคมได้รับทราบดังนี้ พลทหารที่เสียชีวิตดังกล่าว เป็นกำลังพลในสังกัด ร.21 พัน 3 รอ.เข้าประจำการ เป็นพลทหารผลัดที่ 1/67 โดยในระหว่างการฝึกทหารใหม่ในเดือน มิ.ย.2567 ได้ถูกครูฝึกที่เป็นกำลังพลชั้นยศนายสิบและครูผู้ช่วยที่เป็นทหารกองประจำการ ร่วมกันลงโทษด้วยการกระทำเกินกว่าเหตุจนมีอาการบาดเจ็บ


จากนั้นทางหน่วยฝึกได้ส่งเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลค่ายนวมินทราชินี จ.ชลบุรี และส่งต่อไปรักษาตัวยัง โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กรุงเทพมหานคร อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2567 ผู้ป่วยได้มีอาการทรุดลงและเสียชีวิตในเวลาต่อมา


โดยหน่วยต้นสังกัดเมื่อทราบเหตุว่ามีการลงโทษพลทหารดังกล่าวเกินกว่าเหตุแล้ว ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนกำลังพลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยแยกเป็นการดำเนินการทางวินัยต่อผู้บังคับบัญชาที่ขาดการกำกับดูแลจำนวน 3 นาย ตั้งแต่ระดับผู้บังคับหมวดจนถึงผู้บังคับกองพัน และการดำเนินคดีทางอาญา กับผู้ที่กระทำความผิดซึ่งเป็นกำลังพลนายสิบและทหารกองประจำการจำนวน 13 นาย ข้อหา "ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย"


ปัจจุบันกลุ่มผู้กระทำผิด ถูกควบคุมตัวอยู่ ณ เรือนจำ มทบ.14 และอยู่ในระหว่างขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม นอกจากนี้ทางหน่วยต้นสังกัดได้มอบเงินเยียวยาให้กับครอบครัว พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกและให้การรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ รวมถึงการจัดพิธีทางศาสนาเมื่อกำลังพลเสียชีวิต


กองทัพภาคที่ 1 ขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่ครอบครัวผู้เสียหาย โดยไม่ปกป้องผู้กระทำความผิด และให้ความช่วยเหลือดูแลในการดำเนินคดีอย่างเต็มความสามารถ จึงขอชี้แจงให้สังคมได้รับทราบข้อเท็จจริง และขอเเสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าวมาในโอกาสนี้


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง