เจ้าของบ้านร้องขอความเป็นธรรม หลังเด็ก 7 ขวบ แถวบ้านมาปีนกำแพงรั้วเล่น จนกำแพงล้มทับขาเด็กหัก ถูกผู้ปกครองเด็กเรียกเงินแสนให้เยียวยา

เจ้าของบ้านร้องขอความเป็นธรรม หลังเด็ก 7 ขวบ แถวบ้านมาปีนกำแพงรั้วเล่น จนกำแพงล้มทับขาเด็กหัก ถูกผู้ปกครองเด็กเรียกเงินแสนให้เยียวยา

95910 ต.ค. 67 18:17   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

เจ้าของบ้านร้องขอความเป็นธรรม หลังเด็ก 7 ขวบ แถวบ้านมาปีนกำแพงรั้วเล่น จนกำแพงล้มทับขาเด็กหัก ถูกผู้ปกครองเด็กเรียกเงินแสนให้เยียวยา ทั้งที่มาปีนกำแพงบ้านตนจนพังลง ส่วนอีกฝั่งโต้ สุดทนไม่รู้ร้อนรู้หนาว ขอทวงความเป็นธรรมให้ลูกเช่นกัน

(10 ต.ค.67) จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ "กำแพงเพชร ร้องเรียนอะไร บอกไว้ที่นี่" ได้นำเสนอเรื่องราวจากเจ้าของบ้านหลังหนึ่งที่ได้ร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจากเพจฯ โดยมีเนื้อหาว่า “เจ้าของบ้านสุดช้ำ...!!! เด็กแถวบ้านมาปีนกำแพงรั้วเล่น กำแพงล้มทับขาหัก ผู้ปกครองเด็กเรียกเงินแสนเยียวยา เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.67 ได้มีเด็กอายุ 7 ขวบ มาวิ่งเล่นแถวบ้าน แล้วด้วยความซุกซนจึงโหนกำแพงรั่วบ้านเล่น ทำให้รั่วกำแพงพังลงมาทับเด็กจนขาซ้ายหัก หลังจากนั้นผู้ปกครองเด็กเข้าแจ้งความว่าเจ้าของบ้านประมาททำให้เด็กบาดเจ็บสาหัส ที่ผ่านมามีการพูดคุยไกล่เกลี่ย ฝ่ายคู่กรณีเรียก 1 แสนบาท เป็นค่าเยียวยาเด็ก ตนเองไม่มีจึงถูกดำเนินคดี ตอนนี้ขั้นตอนถึงชั้นอัยการ รู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงขอนำเสนอเรื่องราวนี้ผ่านสื่อ”


น.ส.ศิริพร อายุ 34 ปี เจ้าของบ้านที่รั้วพัง ได้พาเดินดูบริเวณรั้วปูนอิฐบล็อกฝั่งขวาของบ้าน ซึ่งพบว่ามีอิฐบล็อกชั้นบนจำนวน 2 ชั้น ได้พังร่วงลงไปอีกฝั่ง ที่ไม่ใช่ที่ดินของตนเอง ซึ่งล้มไปทับเด็ก 7 ขวบ จนได้รับบาดเจ็บขาหัก 


โดยเล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 22 มิ.ย.67 เวลา 18.00 น. ซึ่งในวันเกิดเหตุเจ้าของบ้านไม่ได้อยู่บ้านออกไปขายของ โดยมีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้มาเล่าให้ตนฟังว่ามีเด็ก 4 คน มาเล่นกันข้างกำแพงรั้วข้างบ้านและโหนกำแพงจนกำแพงพังร่วงลงมา ผู้เห็นเหตุการณ์ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ จึงเข้าไปดูพบว่ากำแพงได้พังลงมาอีกฝั่งของบ้านตน และทับเข้าที่ขาของ ด.ญ.นันทัชพร อายุ 7 ขวบ นักเรียนชั้น ป.2 โดยแม่ของเด็กได้เข้ามาช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งก็ทราบภายหลังว่ามีการผ่าตัดเนื่องจากขาหัก 

   

ในเวลาต่อมาแม่ของเด็กได้โพสต์ลงโซเชียลว่าเจ้าของบ้านไม่มาเยี่ยมไม่ถามไถ่ดูแล ตนจึงได้สอบถามว่าตนผิดอะไร “กำแพงตนอยู่เฉยๆ” ซึ่งแม่เด็กก็ตอบตนมาว่า “กำแพงมันซ่อมได้” ด้วยความโมโหตนจึงตอบไปว่า “พี่ก็รักษาอยู่ ก็ซ่อมได้เหมือนกัน” ตนเข้าใจว่ากำแพงของตนอยู่เฉยๆไม่ได้ผิดอะไร แต่เด็กมาโหนเองทำให้พังจนได้รับบาดเจ็บ คิดว่าแม่เด็กคงโกรธเลยเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตน ซึ่งตำรวจก็ได้แจ้งข้อกล่าวหาตน ว่า “กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส” 


ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ต้องมาเสียเงิน 1 แสนบาท เพื่อเยียวยาเด็กที่มาโหนกำแพงตนมันไม่ยุติธรรม จึงได้นำเรื่องดังกล่าวร้องไปยังเพจฯ และสื่อมวลชน ขอให้ทนายไพศาลและทนายเดชา ให้คำแนะนำและช่วยเหลือตนเองด้วย เพราะหลายคนมีรั้วกำแพงบ้านไม่รู้กฎหมายก็อาจจะไม่รู้ว่าจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้หรือไม่หากเจอแบบตน อยากให้เป็นกรณีตัวอย่าง จากนี้ตนก็จะขอสู้ในกระบวนการกฎหมายให้ถึงที่สุดเพราะเชื่อว่าตนไม่ผิด ซึ่งจะให้ตนไปออกรายการไหนก็จะไปเพื่อร้องขอความเป็นธรรม


ขณะที่ชาวบ้านได้มารวมตัวและแสดงความคิดเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเจ้าของบ้านไม่ได้ผิดร้อยเปอร์เซ็นต์รั้วอยู่เฉยๆ จะต้องมาเสียเงินอีก ซึ่งผลของคดีสุดท้ายจะออกมายังไงหากผิดก็คงต้องทุบรั้วทิ้งแต่ถ้าไม่ผิดช่วยกันเยียวยาก็ว่าไปอีกอย่าง แต่แม่ของเด็กก็มีส่วนผิดด้วย ซึ่งมองว่าจะเรียกเงินเยียวยา 100,000 บาทมันมากเกินไปเกินกว่าเหตุ โดยวันนี้ก็มาให้กำลังใจเจ้าของบ้านให้สู้คดีให้ถึงที่สุด 


สอบถาม น.ส.วิศุรีย์ อายุ 38 ปี พยานที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นพอดีแต่ไม่เห็นตอนกำแพงล้มทับ ซึ่งเด็กที่เล่นอยู่บริเวณดังกล่าวมีทั้งหมด 4 คน ตนได้ยินเสียงเด็กผู้ชายวิ่งออกมาร้องเรียกแม่ว่าอิฐบล็อกทับเด็กผู้หญิง เนื่องจากโหนเล่นพังลงมา ตนจึงได้ถามเด็กๆก็ได้ข้อมูลว่าเด็กผู้หญิง 7 ขวบ ได้โหนกำแพงจนพังลงมาจริงจนล้มทับขาหัก แต่ไปๆมาๆแม่เด็กก็มาแจ้งความเรียกร้องค่าเสียหายกับเจ้าของบ้าน ทั้งๆที่เจ้าของบ้านไม่รู้เห็นอะไรเลยต้องมาเสียเงิน 1 แสน มันเกินไปรั้วมันอยู่ดีๆ ตนตัดสินใจเป็นพยานในคดีให้ ซึ่งในใบแจ้งความมีเด็ก 2 คน แต่วันที่เกิดเหตุมีเด็ก 4 คนเล่นรวมกัน 

   

ขณะที่ ด.ญ.นันทัชพร อายุ 7 ขวบ (น้องบิ๊กอาย) ได้พาผู้สื่อข่าวไปชี้จุดที่รั้วกำแพงล้มทับตนเองจนขาหัก และชี้รอยแผลผ่าตัดที่ขาซ้ายให้ดู พร้อมเล่าว่าตอนนั้นตนเล่นกับน้องอยู่และรู้สึกเหนื่อยจึงไปพิงที่กำแพงรั้วจนรู้สึกว่ารั้วมันโยกๆ จึงผลักน้องออกและวิ่งออกมาแต่สะดุดหินล้มหนีไม่ทันจนกำแพงล้มทับขาตนจนเจ็บ หนูยืนยันว่าไม่ได้โหนกำแพง หนูแค่พิงอย่างเดียวจนแม่มาช่วยเหลือ ซึ่งตอนผ่าตัดไม่รู้สึกเจ็บอะไรโดยตอนนี้หายแล้ว


ด้าน น.ส.เจนจิรา อายุ 36 ปี แม่ของเด็ก 7 ขวบ ได้นำเอกสารผลชันสูตรของแพทย์หลังจากผ่าตัดให้ผู้เช็คข่าวดูพร้อมเล่าในมุมของตนหลังจากอีกฝ่ายไปร้องเรียนเพจดังกล่าวจนทัวร์ลงครอบครัวตน ซึ่งบางคนไม่รู้ก็ด่าลูกของตนที่ไม่รู้เรื่องอะไร ยอมรับว่าทั้งครอบครัวรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งคนที่แชร์ส่วนใหญ่ในด้านลบก็จะเป็นฝั่งของคู่กรณีทั้งนั้น พร้อมเล่าว่า 


คู่กรณีได้นำโพสต์ของน้องสาวตนไปให้ตำรวจดูเพื่อจะดำเนินคดีกับฝั่งตน ซึ่งตำรวจก็บอกว่าเอาผิดไม่ได้เพราะน้องสาวไม่ได้ด่า ครอบครัวตนต้องการให้มาคุยกันเท่านั้นแต่คู่กรณีก็โจมตีครอบครัวตนทุกเพจที่ลงเรื่องนี้ ซึ่งวันนั้นลูกสาวตนได้ขอออกมาเล่นนอกบ้านกับน้องอายุ 9 เดือน และบอกว่าเหนื่อยจึงยืนพิงกำแพง ซึ่งลูกก็บอกอีกว่ากำแพงมันโยกจนล้มทับ ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์และเห็นตอนกำแพงพังลงมา ซึ่งยังโชคดีที่ได้ผลักเด็ก 9 เดือนออกมาก่อนไม่งั้นต้องมีสูญเสียมากกว่านี้ ลูกสาวตนต้องผ่าตัดใส่เหล็กที่ขาด้านซ้าย 


ซึ่งหลังจากเกิดเหตุตนก็ได้คุยกับฝั่งคู่กรณี “ว่าตนไม่ได้ตั้งใจทำให้กำแพงพัง” ทางนั้นจะว่ายังไงบ้าง ตนเลยบอกว่าไม่มีน้ำใจที่จะถามไถ่ลูกของตนเลยเหรอว่าเป็นอย่างไรซึ่งก็ตั้งใจที่จะพูดดีด้วย แต่ก็ถูกสวนกลับมาว่า “กำแพงพังก็ซ่อมได้ ขาลูกพี่หักก็ซ่อมได้” ทำให้ตนโมโหและเป็นชนวนเหตุทำให้ต้องเข้าแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว จึงตัดสินใจไปแจ้งความโดยตำรวจเจ้าของคดีก็บอกว่าอีกฝั่งก็มาปรึกษาแล้วจะเอาเรื่องตนที่ทำกำแพงพัง และคดีหมิ่นประมาท ซึ่งตำรวจก็ได้เข้าไปปลุกลูกสาวตนในรถและให้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง ตำรวจบอกว่าคดีพลิกแล้วล่ะ จึงรับแจ้งความตนทันที 


ส่วนเงินที่ตั้งไว้ 1 แสน ตนก็ปรึกษากับหลายๆคนว่าจำนวนเงินนี้เหมาะสมแล้ว เพราะลูกตนต้องเจ็บถึง 2 ครั้ง ปีหน้าก็ต้องผ่าเอาเหล็กออกอีก ซึ่งคู่กรณีไม่มีเยียวยาใดๆเลยมีแค่นมมา 5 แพ็กเท่านั้น คำพูดดีๆยังไม่มี แล้วยังมาร้องเอาผิดให้ทัวร์ลงตนอีกทั้งที่ศาลยังไม่ตัดสินยังไม่รู้ใครผิดใครถูก หนูไปไหนลูกหนูต้องร้องไห้ตลอด ตนจึงต้องเรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูกของตน จริงๆมันคุยกันได้ คือถ้าออกมาขอโทษหรือซื้อกระเช้ามาสักอันพูดดีๆเรื่องแบบนี้จะไม่เกิด แต่ตอนนี้เรื่องมันบานปลายไปแล้ว


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง