อดีตเจ้าอาวาสวัดแจงนำที่ดินวัดไปจำนอง เอาเงินมาบูรณะวัด ย้ำไม่ได้หนี และพยายามหาเงินใช้คืน
อดีตเจ้าอาวาสวัดแจงนำที่ดินวัดไปจำนอง เอาเงินมาบูรณะวัด ย้ำไม่ได้หนี และพยายามหาเงินใช้คืน

อดีตเจ้าอาวาสวัดแจงนำที่ดินวัดไปจำนอง เอาเงินมาบูรณะวัด ย้ำไม่ได้หนี และพยายามหาเงินใช้คืน ด้านนายทุนปัดนัดเจรจาที่ดิน ยืนยันขายคืน 30 ล้าน
(17 ก.ค. 68) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณวัดบางแพรก ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านเกี่ยวกับเรื่องที่ดินของวัด ขนาดเนื้อที่ 3 ไร่ 1 งาน 27 ตารางวา ถูกอดีตเจ้าอาวาสนำโฉนดที่ดินของวัด ไปจำนองกับนายทุน ก่อนหลุดจำนอง และที่ดินดังกล่าวได้ตกเป็นของนายทุน
ซึ่งหลังเกิดเรื่องอดีตเจ้าอาวาสได้ชิงลาออกจากวัด เนื่องจากไม่สามารถหาเงินมาไถ่ถอนที่ดินดังกล่าวกลับมาคืนให้วัดได้ ซึ่งปัจจุบันทางวัดได้พยายามเจรจาติดต่อขอซื้อคืน ในราคา 5 ล้านบาท แต่กลับถูกนายทุนเจ้าของที่ดินปฏิเสธอ้างว่าเป็นเรื่องของธุรกิจและจะขายคืนให้วัดในราคาปัจจุบันคือ 30 ล้านบาท
ความคืบหน้า ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่วัดบางกรวย ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าว หลังทราบข่าวว่านายทุนที่รับจำนองที่ดินจะเข้ามาพูดคุยเจรจากับทางวัด โดยภายหลังได้โทรศัพท์ติดต่อมายังนายสัมฤทธิ์ โพธิ์จันทร์ หรือลุงอู๊ด อายุ 65 ปี มัคนายกวัดบางแพรก ว่าไม่สะดวกเดินทางเข้ามา และยืนยันว่าจะขายที่ดินคืนวัดในราคา 30 ล้านบาท เท่าเดิม
นายสัมฤทธิ์ หรือลุงอู๊ด กล่าวว่า เมื่อวานนี้ตนได้พูดคุยกับนายทุนที่รับจำนองที่ดินเพื่อนัดหมายให้เข้ามาพูดคุยที่วัด เนื่องจากมีเพียงตนคนเดียวที่ติดต่อได้ แต่ไม่กล้าให้ข้อมูลนักข่าวเพราะกังวลในเรื่องกฎหมาย คิดว่าทุกคนคงเข้าใจ เมื่อวานได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์และเปิดลำโพงให้เจ้าอาวาสวัดคุย เพื่อขอต่อรองราคาที่ดิน แต่ทางนายทุนยืนยันจะขายที่ดินในราคาเดิมคือ 30 ล้านบาท อ้างว่าปัจจุบันราคาที่ดินขึ้น เพราะจำนองมานานกว่า 12 ปีแล้ว
ส่วนเรื่องการเข้า-ออกผ่านวัด เนื่องจากที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินตาบอด อาจจะไม่สามารถให้รถผ่านเข้า-ออกได้ แต่ถ้ามาจอดรถในวัดและเดินผ่านก็สามารถทำได้ ซึ่งตนกับนายทุนก็ยังพูดคุยกันได้ปกติ ตนพยายามจีบเพื่อให้ลดราคาที่ดินลง แต่ปัจจุบันนายทุนก็ยังยืนยันที่จะขายที่ดินคืนวัดในราคา 30 ล้านบาท เช่นเดิม
ด้าน อดีตเจ้าอาวาสวัดบางแพรก ได้เปิดเผยว่า อาตมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบางแพรก มาตั้งแต่ปี 2552-2568 และเพิ่งจะลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสเมื่อไม่นานมานี้ เรื่องการจำนองที่ดินของวัดเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 2555 และเคยเป็นข่าวไปครั้งแรกตอนปี 2557 มีสำนักพุทธฯเข้ามาตรวจสอบ โดยอาตมาได้ชี้แจงกับทางเจ้าคณะจังหวัดว่าได้นำเงินทั้งหมดไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ทั้งการบูรณะวัด การถมที่ดินฝั่งที่นำไปจำนอง และค่าใช้จ่ายภายในวัด ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ซึ่งต่อมาก็ได้มีคำสั่งให้อาตมาหาวิธีแก้ไขปัญหานี้ โดยที่ผ่านมาอาตมาก็ทำมาตลอด
ในวันนี้สิ่งที่รู้สึกเสียใจที่สุด คือ ข้อความที่กล่าวถึงว่าเมื่ออดีตเจ้าอาวาสไม่สามารถนำเงินไปไถ่ถอนที่ดินที่นำไปจำนองได้จึงลาออก หนีความผิด อาตมายืนยันว่าไม่เคยหนี สิ่งที่อาตมาทำไปก็รู้สึกผิด เพียงแต่คิดน้อยไป เจตนาเพียงแต่ต้องการนำเงินมาพัฒนาวัดเท่านั้น ส่วนกรณีที่ทำไมชื่อในโฉนดที่ดินต้องเป็นชื่อของอาตมา เนื่องจากการซื้อที่ดินวัดไม่ใช่เรื่องง่าย มีขั้นตอนและต้องทำเรื่องขออนุญาตจากสำนักพุทธศาสนา ไม่ใช่ซื้อแล้วโอนเป็นชื่อวัดได้เลย
ที่ผ่านมาอาตมามีการพูดคุยเจรจากับนายทุนมาตลอด และนายทุนเองก็เคยถามว่าอาตมาต้องการที่จะซื้อที่ดินคืนหรือไม่ ซึ่งเจตนาของอาตมาเองก็ต้องการที่จะซื้อที่ดินคืน แต่หากราคาสูงไปขนาดนั้น ก็คงจะต้องใช้เวลา เพราะภายในวัดมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก และทางวัดไม่ได้มีรายได้อะไร อาตมาไม่ได้นิ่งนอนใจ และไม่ได้ทอดทิ้ง ถึงแม้แต่การลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาส แต่ ณ เวลานี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะจัดการด้วยวิธีไหน และที่แปลกใจว่าเรื่องนี้มันเคยเป็นข่าวมาแล้ว ทำไมวันนี้ถึงมาเป็นข่าวอีก จึงมีการตั้งข้อสงสัยว่ามีคนพยายามที่จะกลั่นแกล้งวัดหรือไม่
ส่วนเหตุผลที่อาตมาลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส เพื่อต้องการจัดการปัญหานี้ พยายามสู้และหาวิธีเจรจา ไม่ใช่การโยนภาระให้เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน แต่มันมีเหตุที่ทำให้อาตมาจำเป็นต้องลาออก หากวันนี้การเจรจาไม่เป็นผลก็จะต้องนิ่งที่สุดและคิดหาทางออก เตรียมความพร้อมหากนายทุนเปลี่ยนใจมาขายที่ดินคืนในราคาที่สามารถซื้อคืนได้ ตอนนี้กำลังรวบรวมปัจจัยเอาไว้ ย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มันเป็นเรื่องเก่าที่ผ่านมานานแล้ว
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
