แม่ค้าข้าวแกงจ่อปรับราคา หลังผักและไข่แพงกระทบต้นทุนสูงขึ้น 30-40%

วันที่ 19 เมษายน 2567 หลังจากพืชผักเกือบทุกชนิดแพงขึ้น เพราะผลพวงจากภัยแล้งและอากาศที่ร้อนจัดในปีนี้ รวมถึงไข่ไก่ก็มีราคาแพงขึ้น เฉลี่ยแผงละ 6 บาท ซึ่งนอกจากจะกระทบกับร้านค้าปลีกที่รับมาขายต่อแล้ว ยังส่งผลกระทบกับร้านขายข้าวแกงในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เพราะต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 30 – 40 เปอร์เซ็นต์ สภาพไม่ต่างจากร้านขายข้าวแกงในจังหวัดอื่นๆ 

แต่ช่วงนี้ แม่ค้าก็ยังไม่ได้ปรับราคาข้าวแกง เพราะเกรงจะกระทบกับลูกค้า ทั้งรอดูแนวโน้มราคาพืชผักด้วยว่า หลังจากพ้นฤดูแล้งแล้วจะถูกลงกว่านี้หรือไม่ แต่หากพืชผักและไข่ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการประกอบอาหารเมนูต่างๆ ยังคงแพงอยู่ ก็จำเป็นต้องปรับราคากับข้าวหรือข้าวแกงไปตามสถานการณ์ เพื่อความอยู่รอด เพราะปัจจุบันก็แทบไม่เหลือกำไร

อย่างร้านข้าวแกง “ประไพศรี” ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับแยกต้นสักในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ก็ยังไม่กล้าปรับราคา หากเป็นข้าวราดแกงอย่างเดียว 40 บาท ราด 2 อย่าง 50 บาท ถ้าสั่งเป็นกับข้าวต่างหาก ก็จะเริ่มต้นที่ถ้วยละ 20 ตามปริมาณที่สั่ง 

โดยนางประไพ ฉิมชาติ เจ้าของร้านประไพศรี บอกว่า เมื่อช่วงต้นปี 2567 หลังจากที่วัตถุดิบทั้งเนื้อหมู ผักและเครื่องปรุงรสต่างๆแพงขึ้น ทางร้านก็จำเป็นต้องปรับราคาจากที่ราด 2 อย่าง 40 บาท ก็ปรับเป็น 50 บาท ซึ่งลูกค้าก็เข้าใจ แต่ช่วงนี้หลังจากที่ทั้งผักและไข่แพง แต่ทางร้านก็ยังไม่ปรับราคาแพง เพราะเกรงจะกระทบกับลูกค้า ก็ยังขายราคาเดิมและปริมาณเท่าเดิม

เจ้าของร้านประไพศรี เปิดเผยด้วยว่า ช่วงนี้ทางร้านก็หาวิธีปรับตัว ด้วยการรับผลไม้ตามฤดูกาลและขายน้ำแข็งไสเพื่อหารายได้เสริม เป็นทุนหมุนเวียนในร้านด้วย เพราะขายข้าวแกงอย่างเดียวกำไรไม่พอค่าวัตถุดิบ และค่าลูกน้องด้วย ซึ่งตนไม่รู้จะไปทำอาชีพอะไร เพราะขายข้าวแกงมา 37 ปีแล้ว อย่างไรก็ตาม หากแนวโน้มวัตถุดิบต่างๆ ยังแพงขึ้นอีก ทางร้านแบกรับต้นทุนไม่ไหว จำเป็นต้องปรับราคาเพื่อความอยู่รอดเช่นกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• ไข่ไก่และผักหลายชนิดพาเหรดขึ้นราคาแรงกว่าทองคำ
• ราคาหมูหน้าฟาร์มขยับ กระทบลูกค้า-เขียงหมู