วันเดียวเจอ 5 ราย ลอบขนกัญชา 119 กก. ปลายทางอยู่ยุโรป
วันเดียวเจอ 5 ราย ลอบขนกัญชา 119 กก. ปลายทางอยู่ยุโรป

วันเดียวเจอ 5 ราย สกัดชาวต่างชาติลอบขนช่อดอกกัญชาออกนอกประเทศ ปลายทางอังกฤษ-เบลเยี่ยม แพ็กมาเต็มกระเป๋าเดินทาง 119 กก. ศุลกากรบอกจนใจ ตรวจยึดได้แต่จับดำเนินคดีไม่ได้
(19 มี.ค. 68) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ ศุลกากร และด่านตรวจคนเข้าเมือง ได้ร่วมกันสกัดกั้นการส่งออกช่อดอกกัญชา เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 ณ จุดตรวจค้นสัมภาระประจำขาออกระหว่างประเทศ ภายในอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ รวมจำนวน 5 คดี ผู้ต้องหาชาวต่างชาติ รวมจำนวน 5 คน มีรายละเอียดแต่ละคดีพอสรุปดังนี้
คดีที่ 1 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 15.15 น. ผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 1 คน เพศ ชาย สัญชาติ อังกฤษ อายุ 26 ปี เดินทางจาก เชียงใหม่-สิงคโปร์-สนามบิน Gatwick ลอนดอน ประเทศอังกฤษ พบมีการพยายามลักลอบขนช่อดอกกัญชาออกนอกประเทศ โดยใส่ในกระเป๋าเดินทาง 1 ใบ ซึ่งช่อดอกกัญชาถูกบรรจุเป็นแพคในถุงพลาสติกใส จำนวน 22 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 23.4 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 234,000 บาท
คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 16.30 น. ผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 1 คน เพศ ชาย สัญชาติ อังกฤษ อายุ 53 ปี เดินทางจาก เชียงใหม่-สิงคโปร์-สนามบิน Gatwick ลอนดอน ประเทศอังกฤษ พบมีการพยายามลักลอบขนช่อดอกกัญชาออกนอกประเทศ โดยใส่ในกระเป๋าเดินทาง 1 ใบ ซึ่งช่อดอกกัญชาถูกบรรจุเป็นแพคในถุงพลาสติกใส จำนวน 22 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 23.4 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 234,000 บาท
คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 16.40 น. ผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 1 คน เพศ หญิง สัญชาติ อเมริกัน อายุ 28 ปี เดินทางจาก เชียงใหม่-สิงคโปร์-สนามบิน Brussel ประเทศเบลเยี่ยม พบมีการพยายามลักลอบขนช่อดอกกัญชาออกนอกประเทศ โดยใส่ในกระเป๋าเดินทาง 1 ใบ ซึ่งช่อดอกกัญชาถูกบรรจุเป็นแพคในถุงพลาสติกใส จำนวน 22 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 23.7 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 237,000 บาท
คดีที่ 4 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 16.40 น. ผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 1 คน เพศ หญิง สัญชาติ อเมริกัน อายุ 20 ปี เดินทางจาก เชียงใหม่-สิงคโปร์-สนามบิน Brussel ประเทศเบลเยี่ยม พบมีการพยายามลักลอบขนช่อดอกกัญชาออกนอกประเทศ โดยใส่ในกระเป๋าเดินทาง 1 ใบ ซึ่งช่อดอกกัญชาถูกบรรจุเป็นแพคในถุงพลาสติกใส จำนวน 19 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 20.8 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 208,000 บาท
คดี ที่ 5 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 18.00 น. ผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 1 คน เพศ ชาย สัญชาติ อังกฤษ อายุ 32 ปี เดินทางจาก เชียงใหม่-ฮ่องกง-สนามบิน Heathrow ประเทศอังกฤษ พบมีการพยายามลักลอบขนช่อดอกกัญชาออกนอกประเทศ โดยใส่ในกระเป๋าเดินทาง 2 ใบ ซึ่งช่อดอกกัญชาถูกบรรจุเป็นแพคในถุงพลาสติกใส จำนวน 44 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 28.6 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 286,000 บาท
รวมช่อดอกกัญชา ที่ตรวจยึดได้ น้ำหนักประมาณ 119.9 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 1,199,000 บาท ซึ่งหากเมื่อถึงปลายทางแล้วจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
สืบเนื่องช่วงก่อนหน้านี้ ได้มีการตรวจค้นเจอการพยายามลักลอบขนช่อดอกกัญชา บรรจุในกระเป๋าเดินทาง โดยสารขึ้นเครื่องบินออกนอกประเทศ ผ่านสนามบินต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเพิ่มการเข้มงวด เฝ้าระวัง ตรวจตราสัมภาระของผู้ที่จะเดินทางออกนอกประเทศโดยเฉพาะผู้ที่มีข้อบ่งชี้ว่าอาจมีการลักลอบขนช่อดอกกัญชา
กระทั่งเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 15.15 – 18.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดจับกุมได้พบความผิดปกติสิ่งของภายในกระเป๋าเดินทางของผู้โดยสารชาวต่างชาติ ที่กำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ จึงทำการขอตรวจสอบสิ่งของที่อยู่ภายในกระเป๋าเดินทาง ผลการตรวจสอบพบว่าเป็นช่อดอกกัญชาบรรจุในถุงพลาสติกจำนวนมาก จึงทำการตรวจยึด พร้อมกับดำเนินการตามขั้นตอนของบทกฎหมายต่อไป และมีการสั่งการเบื้องต้นให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยช่วยกันป้องกันเพื่อสกัดจับตรวจยึด พร้อมกับเฝ้าสังเกตพฤติกรรมที่อาจมีการลักลอบนำช่อดอกกัญชาออกนอกประเทศอีก
จากการซักถามข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกว่าจ้างให้ดำเนินการขนกระเป๋า ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีคนนำ กระเป๋าเดินทางมาส่งให้ผู้ต้องหาอีกทีก่อนที่จะออกเดินทาง จากนั้นผู้ต้องหาจะเป็นผู้นำกระเป๋ามาโหลด เพื่อที่จะเดินทางออกนอกประเทศไทย พร้อมสัมภาระกระเป๋าดังกล่าว ไปยังปลายทางประเทศอังกฤษ และประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครื่อข่ายเดียวกัน
สถานการณ์ในช่วงก่อนหน้านี้ ได้มีการตรวจยึดจับกุมในลักษณะเช่นนี้มาก่อนแล้ว ในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ, สนามบินนานาชาติภูเก็ต, และสนามบินนานาชาติสุราษฎร์ธานี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการเข้มงวดในการตรวจค้นมากขึ้น กระทั่งสามารถตรวจค้นและยึดช่อดอกกัญชาได้ในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งได้ดำเนินการตามบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
อย่างไรก็ตามพบว่ามีความพยายามของขบวนการลักลอบขนกัญชาหันมาใช้เส้นทางการบินออกนอกประเทศจากจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีทั้งเที่ยวบนตรงระหว่างประเทศ และเที่ยวบินที่เชื่อมโยงไปยังปลายทางฝั่งยุโรปซึ่งเป็นปลายทางของกัญชา มากขึ้น โดยอาศัยช่องว่างกฏหมายใหญ่เกี่ยวกับการครอบครองกัญชาของไทย ทำให้ต้นทุนในการหากัญชาในไทยถูก และหาง่าย รวมทั้งสามารถครอบครองได้โดยไม่ผิดกฏหมาย
อีกทั้งเมื่อถูกจับกุมขณะที่พยายามจะขนออกนอกประเทศ หากยอมรับและยินยอมให้ตรวจยึดก็จะถูกยึดกัญชาไว้เป็นของกลาง แต่ก็จะถูกปล่อยตัวไม่ดำเนินคดี ซึ่งจะไม่ถือว่ามีความผิด จึงทำให้เครือข่ายค้ากัญชาข้ามชาติเหล่านี้อาศัยช่องว่างทางกฏหมาย พยายามลักลอบขนกัญชาออกนอกประเทศไทยมากขึ้นเพราะคุ้มกับการลงทุนหากเล็ดลอดออกไปได้เพียง 1 ใน10 หรือเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของที่ลงทุนไปก็จะยังคงมีกำไรมหาศาลหากถึงประเทศปลายทาง
ขณะนี้ ตำรวจภูธรภาค 5 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่, สถานีตำรวจภูพิงคราชนิเวศน์, ตำรวจท่องเที่ยว, ตรวจคนเข้าเมือง, สำนักงานศุลกากรภาคที่ 3, ศูนย์ปราบปรามยาเสพติดภาคเหนือ, ท่าอากาศยานเชียงใหม่, กรมศุลกากร, การท่าอากาศยานเชียงใหม่, สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่, ด่านตรวจพืชท่าอากาศยานเชียงใหม่ และหน่วยงานอื่นๆ กำลังบูรณาการทำงานอย่างหนักเพื่อสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและขนส่งยาเสพติด
โดยเฉพาะ ศุลกากรและท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้เพิ่มมาตรการตรวจสอบสัมภาระของผู้โดยสารอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ ยังมีการประสานงานกับศุลกากรเพื่อพิจารณานำข้อกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้กับผู้ลักลอบขนลำเลียงยาเสพติด ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการให้เข้มข้นกว่าการจับกุมและตรวจยึดเพียงอย่างเดียว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นขบวนการค้ายาเสพติดให้ได้มากขึ้น
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โจรดวงกุด! ซิ่ง จยย.ชนตอไม้ดับคาที่ หลังก่อเหตุชิงทรัพย์ เผยจุดเกิดเหตุห่างจากจุดชิงทรัพย์เพียง 4 กม.
