รวบ “หมวดเจมส์” สายสืบเก๊ เชื้อสายเจ้าพระยา
รวบ “หมวดเจมส์” สายสืบเก๊ เชื้อสายเจ้าพระยา
“สารวัตรแจ๊ะ” ตามตะครุบตัว “หมวดเจมส์” สายสืบนครบาลเก๊ หากินด้วยการขู่กรรโชกทรัพย์ เจ้าตัวยอมรับสายเลือดตำรวจเข้มข้น เป็นถึงเหลนเจ้าพระยา!
(31 ต.ค. 67) ตำรวจนครบาลนำทีมโดยสารวัตรแจ๊ะ จับกุมตัวนายชลทิศ หรือฉายาหมวดเจมส์ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.825/2567 ลงวันที่ 16 ก.ย. 67 ในข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อข่มขู่กรรโชกทรัพย์
โดยสามารถตรวจค้นยึดของกลางได้ 5 รายการ คือ อาวุธปืน SIG SAUER ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก (ขึ้นลำพร้อมใช้), กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 12 นัด, บัตรเจ้าหน้าที่ตำรวจ (ปลอม) ปรากฏชื่อและใบหน้าของคนร้าย จำนวน 1 ใบ, เครื่องแบบตำรวจ จำนวน 2 ชุด, และเสื้อเกราะกันกระสุน จำนวน 1 ชุด
สำหรับผู้ต้องหารายนี้มักจะแต่งกายเลียนแบบตำรวจ และอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่เฉพาะกิจ ปะฉะดะ และปลอมตัวเป็นสายสืบตระเวนกรรโชกทรัพย์
ล่าสุดมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.บางมด พร้อมกับมอบหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกพฤติกรรมกรรโชกทรัพย์ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 67 เวลาประมาณ 16.00 น. ขณะที่ผู้เสียหายอยู่ในบ้านพักได้มีชายแต่งกายคล้ายสายสืบ (ทราบภายหลังคือ นายชลทิศฯ) อ้างว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่จาก “สืบนครบาล” ชื่อว่า “หมวดเจมส์” เข้าไปจับกุมผู้เสียหายที่อยู่ในบ้านพัก
โดยอ้างว่ามีน้ำกระท่อม 3 ขวด ก่อนจะเรียกเงินจำนวน 3,000 บาท จากผู้เสียหาย โดยข่มขู่ว่าหากไม่จ่ายจะถูกจับกุมดำเนินคดี ผู้เสียหายจึงยอมจ่ายเงินสดให้กับคนร้ายไป 3,000 บาท หลังจากนั้นคนร้ายยังข่มขู่ให้จ่ายค่าคุ้มครองแบบรายเดือนอีก 500 บาทต่อเดือน ก่อนจะออกจากบ้านผู้เสียหายไป
ต่อมาก็ได้มีการออกหมายจับสายสืบเก๊รายนี้ แต่การจับกุมไม่สามารถทำได้ง่าย เพราะจากการสืบสวนติดตามคนร้ายหลบหนีไปกบดานตามแหล่งชุมชนในพื้นที่ฝั่งธนบุรีพร้อมกับสั่งให้ลูกสมุนคอยสังเกตการณ์ดูตำรวจเข้าออกชุมชนตลอดเวลา
แต่ในที่สุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำ ส่งคูปองลดราคาร้านไอศกรีมที่คนร้ายชอบไปให้ เพื่อให้ออกมาใช้สิทธิ เจ้าหน้าที่ซุ่มดักรอที่ร้านไอศกรีมนานกว่า 7 วัน ก่อนจะตะครุบตัวคนร้ายรายนี้ได้สำเร็จ
ในชั้นจับกุม หมวดเจมส์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าตนเองเป็นเหลนของเจ้าพระยาท่านหนึ่ง และตระกูลตนเป็นตระกูลชื่อดังมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีสายเลือดเจ้าหน้าที่ของบรรพบุรุษเข้มข้น จึงทำให้ตนเองอยากเป็นตำรวจ
แต่ด้วยวัยเด็กตนเองเกิดมีลูกก่อนวัยอันควรทำให้ไม่ได้เรียนหนังสือ ต้องออกมาทำงานหาเงิน จนในปัจจุบันตนเองไม่สามารถสอบเข้าตำรวจได้แล้ว แต่ก็ยังมีความอยากเป็นตำรวจอยู่ดี จึงสมัครเป็น อปพร. อยู่สักพักหนึ่ง กระทั่งได้เรียนรู้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
และในคดีนี้ตนเองได้เบาะแสจุดร้านกระท่อมของผู้เสียหาย จึงเห็นช่องทางในการจะตบทรัพย์จึงปลอมตัวเป็นสืบนครบาลเข้าก่อเหตุ แต่หลังก่อเหตุก็เกิดเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นตนจึงหลบหนีโดยยืนยันว่าเคยก่อเหตุมาแค่ครั้งเดียวจริงๆ ไม่เคยก่อเหตุเช่นนี้มาก่อน
หลังจับกุมขยายผลได้นำตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บุคคโล ดำเนินคดีต่อไป