ฝรั่งร้อง ตร.ไทยเข้าข้างคนจีน เจอแบบนี้ไม่อยากมาแล้ว

(30 ส.ค. 67) น.ส.ปุ๊กกี้ หญิงชาวไทย อายุ 25 ปี พร้อมด้วยนายจอห์น ชายชาวอังกฤษสามีของ น.ส.ปุ๊กกี้ เดินทางมาร้องทุกข์ที่เพจสายไหมต้องรอด ระบุว่าพวกตนสามี-ภรรยา มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับ 2 แม่ลูกชาวจีน ที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังใน จ.ภูเก็ต โดย 2 แม่ลูกนั้นเดินมาชนพวกตนก่อน ก่อนที่จะมีปากเสียงกระทบกระทั่งกัน สุดท้ายฝ่ายคนจีนโทรแจ้งตำรวจ เมื่อฝ่ายตนพยายามชี้แจงตำรวจกลับบอกให้ ยอมๆ ไปให้จบเรื่อง เพราะคนจีนมีเส้นสาย หากไม่ยอมจะลำบาก

น.ส.ปุ๊กกี้ เปิดเผยว่า ตนเองและสามีได้ไปเดินเล่นในห้างที่เกิดเหตุ ระหว่างที่เดินอยู่ก็ชนเข้ากับสองแม่ลูกชาวจีน ซึ่งฝ่ายตนพยายามหลบแล้ว แต่สองแม่ลูกชาวจีนเล่นโทรศัพท์ ทำให้หลบไม่พ้น สามีของตนจึงพูดไปว่า “ให้เดินระวังหน่อย”

ฝั่งสาวจีนได้ตะโกนด่ามาว่าเป็นฝั่งตนที่เดินชนแม่ของเธอ และมีการใช้ถ้อยคำด่าทออย่างหยาบคายว่า “fuck you” พร้อมทั้งชูนิ้วกลาง และมีบางจังหวะที่พยายามเข้ามาทำร้ายร่างกายตน สามีจึงเอามาช่วยและใช้มือผลักไป ทำให้หญิงชาวจีนล้มลง หลังจากนั้นก็มีการกระทบกระทั่งไปมา ตนใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายเหตุการณ์ไว้ก็โดนปัดตกถึง 2 ครั้ง 

พวกตนพยายามเดินหลบหนีออกมาทางหน้าห้างแต่ก็ถูกตามมาหาเรื่อง มีเจ้าหน้าที่ของทางห้างเข้ามาช่วยห้าม แต่แม่ลูกชาวจีนกระโดนขึ้นหลังสามีของตน แล้วฉีกเสื้อขาด แต่พวกตนก็ไม่ได้ตอบโต้ใดๆ จึงรีบเดินทางออกจากจุดนั้น

หลังจากเดินทางออกมา ได้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมาแจ้งความที่ สภ.วิชิต จ.ภูเก็ต แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามบอกว่าให้ยอมความ เนื่องจากฝั่งของชาวจีน รู้จักกับผู้มีอิทธิพล โดยทางตำรวจยื่นข้อเสนอให้เลือก 3 ข้อ คือ

1.ฝั่งคู่กรณีแจ้งว่าให้ขอโทษออกสื่ออย่างจริงใจ ซึ่งตนและสามีมองว่า ผิดทั้งคู่ ต่างคนต่างขอโทษ ตนยินดี หรือ 

2.ยอมรับ รับสารภาพแล้วจ่ายค่าปรับ ตนและสามีมองว่า ไม่ได้รับความยุติธรรม หรือ

3.หากปฎิเสธทั้งสองข้อ สามารถดำเนินคดีได้ แต่ระหว่างดำเนินคดี สามีของตนจะมีปัญหาเรื่องการเข้า-ออกนอกประเทศ

ตนจึงมองว่า การที่ตนเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับ ไม่ให้ความเป็นธรรม เพียงคู่กรณีมีเส้นมีสายมีอิทธิพล ทำให้สามีไม่มั่นใจกระบวนการยุติธรรมของคนไทย อีกทั้ง หลังจากเกิดเรื่อง มีชาวไทยที่รู้จักกับหญิงชาวจีนได้ เอารูปภาพของตนเอง ไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก และลงข้อความว่า “ตามตัว หาตัว เตรียมตัวได้เลย เดียวดัง” ทำให้ตนรู้สึกกังวลเรื่องของความปลอดภัย

ทางด้านนายจอห์น เปิดเผยว่า ตนเองมาอยู่ประเทศไทย เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ทำให้ตนหมดความเชื่อมั่นในระบบกฎหมายและความยุติธรรมของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายได้แนะนำให้ยอมความ ตนเองไม่ได้เครียดเรื่องการจ่ายค่าปรับ แต่ตนเองมองในเรื่องของความถูกต้องเป็นหลัก

อย่างไรก็ตามตนเองสบายใจขึ้น ที่กระบวนการความยุติธรรมของประเทศไทยยังมีทางออก ขอขอบคุณ คุณเอกภพ ที่ให้ความช่วยเหลือ และสื่อมวลชนที่รับฟัง จากนี้ตนเชื่อมั่นระบบความยุติธรรมของประเทศไทยมากขึ้น

ทางด้าน นายเอกภพ  เหลืองประเสริฐ เปิดเผยว่า เบื้องต้น ตนเองได้ประสานทางท่านโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) รวมถึง พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับเรื่องดังกล่าว ท่านได้ประสานไปยัง สภ.ในพื้นที่ เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว