จับแก๊งฝรั่งขายยาเสพติดบนเกาะพะงัน เงินหมุนเวียนกว่า 71 ล้านบาท
จับแก๊งฝรั่งขายยาเสพติดบนเกาะพะงัน เงินหมุนเวียนกว่า 71 ล้านบาท
จับแก๊งฝรั่งขายยาเสพติดบนเกาะพะงัน เงินหมุนเวียนกว่า 71 ล้านบาท
วันที่ 19 ธันวาคม 2567 พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6 , พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.
สุราษฎร์ธานี , พ.ต.อ.กฤดินิธิ ทองทิพย์ รอง ผบก.ฯ รรท.ผกก.สภ.เกาะสมุย , พ.ต.อ.กันตวัฒน์ พงศ์สถาบดี รอง ผบก.ตม.6 , พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม. , นายนพดล ขาวมะลิ นายอำเภอเกาะพะงัน , พ.ต.อ.ปัญญา นิรัตติมานนท์ ผกก.สภ.เกาะพะงัน และ พ.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ 2 คดี
พล.ต.ท.ภาณุมาศ ผบช.สตม. กล่าว่า สำหรับคดีแรก สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 1 มี.ค.67 เจ้าหน้าที่ ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ได้จับกุม นายปีเตอร์ ฮูล (MR.PETER HULL) สัญชาติอังกฤษ ในข้อหา "มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 , 2 (ยาอี,เอ็กตาซีและโคเคน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด" ส่งดำเนินคดีในท้องที่ สภ.เกาะสมุย ต่อมาศาลจังหวัดเกาะสมุย ได้ตัดสินจำคุกนายปีเตอร์ ฮูล จำนวน 5 ปี 11 เดือน ขณะนี้รับโทษจำคุกอยู่ที่เรือนจำอำเภอเกาะสมุย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ขยายผลการซื้อขายยาเสพติด จากหลักฐานเส้นทางการเงินและหลักฐานอื่นๆ น่าเชื่อว่า นายปีเตอร์ ฮูล ได้สั่งซื้อยาเสพติดหลายชนิดมาจาก นายเฟเดริโก้ คาโล อูเจนิโอ พิสโตเลซี่ สัญชาติอิตาลี โดยมียอดการสั่งซื้อมากกว่า 200,000 บาท ในห้วงเวลากว่าปีเศษ และในห้วงเวลาเดียวกันพบว่า นายเฟเดริโก้ ได้รับโอนเงินจากชาวต่างชาติรายอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เกาะสมุย และเกาะพะงันอีกหลายราย ซึ่งคาดว่า น่าจะเป็นเงินที่ได้มาจากการซื้อขายยาเสพติดในเครือข่ายเดียวกัน โดยมีเงินหมุนเวียนถึง 71 ล้านบาท
จากนั้น เจ้าหน้าที่ ได้ขออนุมัติศาลจังหวัดเกาะสมุยออกหมายจับนายเฟเดริโก้ และอนุมัติหมายค้นเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เกาะพะงัน จำนวน 3 จุด เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.67 เจ้าหน้าที่ ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี , สภ.เกาะสมุย , สภ.เกาะพะงัน และฝ่ายปกครองเกาะพะงัน สามารถจับกุมนายเฟเดริโก้ ในความผิดฐาน "จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี,เอ็กตาซี) และยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) โดยไม่ได้รับอนุญาต , สมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด , สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน (มูลฐานยาเสพติด)และฟอกเงิน และข้อหาครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี,เมตแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย
พร้อมของกลางอื่นจำนวน 24 รายการ อายัดบัญชีธนาคารกรุงเทพ จำนวน 1 บัญชี ยอดเงินจำนวน 6.6 ล้านบาท อายัดที่ดินในนามบริษัท พิทยาแลนด์ จำกัด เนื้อที่ 2 ไร่เศษ จำนวน 1 แปลง ราคาประมาณ 8 ล้านบาท ยึดรถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า จำนวน 1 คัน และอยู่ระหว่างตรวจสอบที่ดินอีก 2 แปลง ซึ่งน่าจะถือครองในชื่อของบุคคลอื่น รวมทั้งธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่นายเฟเดริโก้ เป็นกรรมการว่าเข้าข่ายมีการประกอบในลักษณะนอมินีหรือไม่
นอกจากนี้ ยังได้จับกุมนายโรมัน หรือ MR.ROMAN MALIK BERTAGNOL อายุ 37 ปี สัญชาติฝรั่งเศส โดยกล่าวหาว่า "มียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) โดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) โดยผิดกฎหมาย" พร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) และนายแอนทอน หรือ MR.ANTON ZAOZEROV อายุ 39 ปี สัญชาติรัสเซีย ในข้อหา "ครอบครองยาเสพติดประเภท 5 (เห็ดขี้ควาย) โดยผิดกฎหมาย" นำผู้ต้องหาทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน ดำเนินคดีต่อไป
สำหรับนายแอนทอน เป็นหนึ่งในเครือข่ายดังกล่าว ได้จัดตั้งบริษัท เพียว เฮ้าส์ พะงัน จำกัด มีที่ตั้ง ต.บ้านใต้ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ขึ้นมาประกอบธุรกิจให้บริการรับทำความสะอาดวิลลา ที่พักอาศัย สวน และสระน้ำให้กับชาวต่างชาติ โดยมีลักษณะให้คนไทยเข้ามาถือหุ้นแทนหรือนอมินี เพื่อบังหน้าปกปิดการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยบริษัทดังกล่าว มีลักษณะการถือหุ้นที่ผิดปกติ โดยมีคนไทยถือหุ้นในสัดส่วน 100 % มีนายแอนทอน และภรรยาชาวรัสเซีย เป็นกรรมการ พบว่ามี น.ส.มีนา (สงวนนามสกุล) บหญิงไทย เป็นผู้ถือหุ้นแทนนายแอนทอน เพื่อให้ได้ประกอบธุรกิจในราชอาณาจักร ตามเงื่อนไขของการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทฯ
เจ้าหน้าที่ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน ให้ดำเนินคดีกับน.ส.มีนา ในข้อหาที่เกี่ยวข้อง ตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 2542 และตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 2542 ในส่วนผู้ถือหุ้นรายอื่น ยังไม่พบข้อบ่งชี้ว่า มีการถือหุ้นแทนคนต่างชาติ
ส่วนพฤติการณ์ของนายเฟเดริโก้ และกลุ่มแก๊งเครือข่ายยาเสพติด ได้เข้ามาอยู่ในไทยนานหลายปีแล้ว โดยส่วนใหญ่จะพำนักในพื้นที่เกาะพะงัน ไม่พบว่ามีการประกอบอาชีพเป็นหลักแหล่ง หรือมีธุรกิจอื่นใดในราชอาณาจักร และเริ่มมีการก่อตั้งบริษัทเพื่อประกอบธุรกิจขึ้นมาบังหน้า เพื่อฟอกเงินที่ได้มาจากการขายยาเสพติด ชอบไปเที่ยวตามปาร์ตี้ ที่จัดขึ้นในกลุ่มคนต่างชาติ โดยนำยาเสพติดไปขายให้กับคนต่างชาติ ตามสถานที่ท่องเที่ยวในยามค่ำคืน หลังจากนี้ จะมีการขยายผลไปยังผู้มีรายชื่อที่เข้ามาเกี่ยวข้องในเส้นทางการเงิน เพื่อสืบสวนขยายผลจับกุม และเมื่อเสร็จสิ้นการดำเนินคดี สตม.จะได้ดำเนินการเพิกถอน ส่งกลับและบันทึกรายชื่อแบล็คลิสต์ต่อไป - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน