บุกช่วย “น้องชมพู” เด็ก 17 เหยื่อคอลเซ็นเตอร์เรียกค่าไถ่ 5 แสน
บุกช่วย “น้องชมพู” เด็ก 17 เหยื่อคอลเซ็นเตอร์เรียกค่าไถ่ 5 แสน

บุกช่วย “น้องชมพู” เด็กสาววัย 17 ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข่มขู่ เรียกค่าไถ่จากที่บ้าน 5 แสน ไม่อย่างนั้นจะจับส่งชายแดน
(3 เม.ย. 68) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. สั่งการ พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส. บช.น. พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผบก.น.4 เร่งรัดติดตามช่วยเหลือหญิงสาววัย 17 ปี หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง ก่อนกุเรื่องรีดค่าไถ่ย่า 500,000 บาทเพื่อแลกกับการปล่อยตัวหลานสาว
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา นางบรรจง (สงวนนามสกุล) ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวน สน.บึงกุ่ม ว่า น้องชมพู อายุ 17 ปี หลานสาวหายตัวไปจากบ้านช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 1 เมษายน ก่อนที่จะมีโทรศัพท์ปริศนาเป็นเสียงผู้ชายโทรเข้ามาอ้างว่าหลานสาว ไปกู้เงินนอกระบบแล้วไม่ยอมคืนเงินจึงได้จับตัวมา
ปลายสายยังข่มขู่อีกว่าถ้าอยากจะได้ตัวหลานสาวคืนให้โอนเงินมาเพื่อแลกกับการปล่อยตัว ต่อมาเวลาประมาณ 08.00 น. ของวันที่ 2 เมษายนได้โทรมาหา นางบรรจงอีกครั้ง โดยบอกว่าตอนนี้หลานสาว ถูกจับตัวมาอยู่ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และหากถ้าไม่อยากให้หลานสาวโดนส่งไปขายที่ชายแดนขายให้เอาเงินมาแลกจำนวน 500,000 บาท แต่นางบรรจงไม่มีเงินจำนวน 500,00 บาท จึงได้โอนเงินที่มีในบัญชีจำนวน 30,000 บาทไปให้คนร้าย เพื่อแลกกับการขอดูหน้าหลานสาวของตัวเอง ก่อนที่นางบรรจงจะตัดสินใจเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ดำเนินการติดตามช่วยเหลือหลานสาว
เมื่อทาง พล.ต.ท.สยามทราบเรื่องจึงเร่งสั่งการ พล.ต.ต.นพศิลป์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.โชติวัฒน์ นำทีมสืบนครบาล สืบบก.น.4 และ สืบสวน สน.บึงกุ่ม แกะรอยค้นหาน้องชมพูโดยเร็วเพื่อช่วยเหลือน้องเพราะคาดว่าจะตกอยู่ในอันตราย กระทั่งชุดสืบสวนพบว่าน้องชมพูมาเปิดห้องพักอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ชุดสืบสวนจึงได้เข้าตรวจสอบพบน้องชมพูอยู่ภายในห้องดังกล่าวเพียงคนเดียว
ขณะนั้นกำลังโทรคุยกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยมีการควบคุมสั่งการน้องชมพูผ่านทางโทรศัพท์ ตำรวจจึงได้เข้าช่วยเหลือทันทีก่อนที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะไหวตัวและตัดสายทิ้งไป ขณะนี้อยู่ระหว่างนำตัวน้องชมพูหลานสาวคืนสู่อ้อมกอดย่าอย่างปลอดภัย
อย่างไรก็ตามตำรวจชุดสืบสวนได้ทำการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไว้ทั้งหมดแล้วซึ่งหลังจากนี้จะทำการขยายผลและติดตามจับกุมตัวต่อไป
สำหรับกรณีเช่นนี้ที่ผ่านมามีให้เห็นผ่านตาในข่าวมาแล้วหลายครั้ง โดยมิจฉาชีพมักจะมุ่งเป้าไปที่เหยื่ออายุน้อย ใช้ข้ออ้างว่าเรื่องคดีความร้ายแรงเข้ามาข่มขู่ บังคับให้เหยื่อแยกตัวออกจากครอบครัวหรือคนรู้จัก ไปเช่าห้องอยู่คนเดียว และควบคุมเหยื่อผ่านการโทรศัพท์ หรือวิดีโอคอลล์คุยข่มขู่เหยื่อตลอดเวลาเพื่อให้หวาดกลัวและไม่กล้าติดต่อขอความช่วยเหลือจากคนอื่น และทำให้คนอื่นไม่สามารถติดต่อเหยื่อได้ จากนั้นจะฉวยจังหวะที่เหยื่ออยู่ในความกลัว ให้สมาชิกแก๊งติดต่อครอบครัวเหยื่อเพื่อเรียกค่าไถ่นั่นเอง
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
