ชาวนาเมืองสองแควร้อง ขอรัฐประกันราคาข้าวตันละ 12,000 บาท

(13 ก.พ. 68) ที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก ตัวแทนชาวนาจังหวัดพิษณุโลก จากหลายอำเภอเดินทางมารวมตัวกันเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเดือดร้อนจากปัญหาราคาขายข้าวเปลือกตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ขายได้ตันละ 6,000 กว่า ประกอบกับประสบปัญหาราคาต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นในทุกขั้นตอน เฉลี่ยอยู่ที่ไร่ละ 6,000 บาท จึงทำให้ชาวนาเกิดปัญหาขาดทุนจากการเพาะปลูก ประกอบกับในช่วงนี้ ทางรัฐบาลมีนโยบายป้องกันฝุ่น PM2.5 ห้ามเผานาข้าวด้วยจึงให้มีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นจากการจัดการฟางข้าการเก็บเกี่ยว 

วันนี้ตัวแทนชาวนาจังหวัดพิษณุโลก จึงทำหนังสือ เรื่องขอความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกเจ้าตกต่ำ แก่ นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก และร้อยเอกอุบล พุทธรักษ์ ประธานสภาเกษตรจังหวัดพิษณุโลก และ รองประธานเกษตรแห่งชาติคนที่ 1 

เนื่องด้วยเกษตรกรชาวจังหวัดพิษณุโลก มีความเดือดร้อนจากราคาข้าวเปลือกเจ้าตกต่ำ เกษตรกรชาวนาประสบปัญหาขาดทุน เนื่องจากจ้นทุนการผลิตสูงขึ้น เช่น ปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพืช น้ำมันเชื้อเพลิง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ มีราคาสูงขึ้น รวมทั้งประสบปัญหาข้าวกระทบหนาว การระบาดของแมลงบั่วข้าว ทำให้เกษตรกรชาวนาต้องฉีดพ่นสารเคมีจำนวนหลายครั้ง ทำให้เกษตรกรชาวนามีคึ่าใช้จ่ายสูงขึ้น รวมถึงนโยบายของรัฐฐาลที่ก้ามเกษตรกรเผาฟางและซอตังข้าว โดยกำหนดโทษและตัดสิทธิ์เกษตรกรต่างๆ ทำให้เกษตรกรชาวนามีต้นทุนการผลิตสูงขึ้น 

และเพื่อเป็นการช่วยเหลือความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวนาจังหวัดพิษณุโลก จึงร้องขอความช่วยเหลือแก้ไขปัญการาคาข้าวเปลือกตกต่ำไปยังรัฐบาล ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก และประธานสภาเกษตรกรจังหวัดพิษณุโลก ดังนี้

1.ให้รัฐบาลมีมาตรการประกันราคาข้าวเปลือกเจ้า ความชื้นไม่เกิน 15 เปอร์เซนต์ ราคาไม่ต่ำกว่า 12,000 บาทต่อตัน, ความชื้นไม่เกิน 25 เปอร์เซนต์ ราคาไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท

2.ให้รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนา ไม่เผาฟางและตอซังข้าว โดยชดเชยให้เกษตรกรชาวนาที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร  ในอัตราไร่ละ 500 บาท

3. ให้รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาลดต้นทุนปัจจัยการเพาะปลูก ได้แก่ เมล็ดพันธุ์ข้าว ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช เป็นต้น และ

4. ให้รัฐบาลมีมาตรการช่วยเลือเกษตรกรชาวนา ลดต้นทุนปัจจัยการเพาะปลูก ได้แก่ เมล็ดพันธุ์ข้าว ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช เป็นต้น

ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้ออกมารับฟังความเดือดร้อนของชาวนาและรับหนังสือร้องเรียนจากตัวแทนชาวนา เช่นเดียวกับร้อยเอกอุบล พุทธรักษ์ ประธานสภาเกษตรจังหวัดพิษณุโลก และ รองประธานเกษตรแห่งชาติคนที่ 1 

นายประสิทธิ์ มะนาวหวาน กำนันตำบลท่านางาม อำเภอบางระกำ บอกว่า ชาวนาในพื้นที่บางระกำโมเดล 265,000 ไร่ นาข้าวกำลังจะสามารถเก็บเกี่ยวขายข้าวได้แล้ว แต่พบปัญหาว่าปัจจุบันราคาข้าวตกต่ำอยู่ที่ ตันละประมาณ 6,000 กว่าบาท โดยมีต้นุทนอยู่ประมาณ 6,000 บาทต่อไรเช่นเดียวกัน จึงทำให้ชาวนาได้รับความเดือดร้อนแทบจะไม่ได้อะไรจากการทำนาปลูกข้าวเลย เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

ด้านนางหลำ ชาวนาบ้านนาขุม ตำบลท่าช้าง อำเภอพรหมพิราม และพรรคพวกได้ออกมาถาม พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าตอนนี้อยู่ไหน อยากให้ออกมาช่วยเหลือชาวนาด้วย เพราะการทำนาในปัจจุบัน นั้น แตกต่างจากการทำนาในยุคลุงตู่เป็นอย่างมาก

ตนเองทำนาปลูกข้าวประมาณ 20 ไร่ เมื่อวานนี้ขายข้าวได้ 5 ไร่ ได้ราคารับซื้อตันละ 6,700 บาทเท่านั้น ผลผลิตที่ได้ประมาณ 4 ตัน เพราะว่าได้รับผลกระทบจากโรคคระบาด นางหลำบอกว่าหลังจากที่ขายข้าวราคานั้นไป ตัวเธอเองรู้สึกเสียใจ กับสภาวะ ทุนหายกำไรหด เพราะต้องเตรียมลงทุนปลูกข้าวรอบใหม่ ซึ่งมีรายได้เพียงช่องทางเดียวคือการทำนาปลูกข้าว 4-5เดือน จึงจะมีรายได้ครั้งนึง ชาวนาเปรียบเทียบไม่ได้กับคนที่ทำงานมีเงินเดือนทุกเดือน

โอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกแจ้งต่อชาวนาทุกคนได้รับทราบว่า จะได้เร่งรัดประสานส่งหนังสือร้องเรียนจากประชาชนไปให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและนายกรัฐมนตรีได้รับทราบปัญหานี้อย่างเร่งด่วนต่อไป