มี จนท.เอี่ยวหรือไม่? หลัง 'โจร 2 สัญชาติ' ข้ามชายแดนชิงทองซ้ำในหาดใหญ่

มี จนท.เอี่ยวหรือไม่? หลัง 'โจร 2 สัญชาติ' ข้ามชายแดนชิงทองซ้ำในหาดใหญ่

52610 เม.ย. 68 12:03   |     AdminNews

ภาค 1 รวบหนุ่ม 2 สัญชาติ "ไทย-มาเลเซีย" ผู้ต้องหาตามหมายจับคดี "ชิงทรัพย์ร้านทอง" ในพื้นที่ สภ.หาดใหญ่มูลค่ารวมกว่า 7 ล้านบาท

10 เม.ย.68 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค1 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร., พล.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษ ตร., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9, พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ รอง ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ รอง ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฎิ์ ผบก.ภ.จว.สงขลา, พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ ไชยโยธา ผบก.สส.ภ.9 และ พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 ได้สั่งการบูรณาการการทำงาน โดย พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ.9, พ.ต.อ.สมพงศ์ สุวรรณวงศ์ รอง ผบก.สส.ภ.9, พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.9 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9, กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1, ฝ่ายสืบสวน ภ.จว.นนทบุรี,ฝ่ายสืบสวนภ.จว.สงขลา, ฝ่ายสืบสวน กก.6 บก.ป., ฝ่ายสืบสวน สภ.ปากเกร็ด และ ฝ่ายสืบสวน สภ.หาดใหญ่

ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา นายอาหวู่พะ สินเกา หรือนายอนุชา แซ่โหยว หรือนายลี บุน ลง อายุ 62 ปี สัญชาติมาเลเซีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จว.สงขลา ที่ จ.269/2568 ลงวันที่ 8 เมษายน 2568 พร้อมด้วยของกลาง

1. สร้อยคอทองคำ จำนวน 38 เส้น

2. สร้อยข้อมือทองคำ จำนวน 31 เส้น

3. ตะขอสร้อย จำนวน 5 อัน

4. อาวุธปืนพกสั้นแบบออโตเมติก ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ ซิกซาวเออร์ หมายเลขทะเบียนลบเลือน จำนวน 1 กระบอก

5. แมกกาซีนปืน จำนวน 2 อัน

6. กระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 50 นัด

7. ซองหนังพกใน สีดำ 1 อัน

8. กระเป๋าสะพายแบบผ้า มีตราอดิดาส สีดำ ขนาด 30x19 ซม. จำนวน 1 ใบ

9. เป้สะพาย มีตราไนกี้ สีดำ จำนวน 1 ใบ

10. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ออปโป้ สีดำ จำนวน 1 เครื่อง พร้อมซิมการ์ด จำนวน 1 อัน 


โดยกล่าวหาว่า “ชิงทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน และทำด้วยประการใดๆ เพื่อไม่ให้เห็นหรือจำได้ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด เพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม, มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร” โดยเมื่อวันที่ 8 เม.ย.2568 เวลา 11.52 น. มีคนร้ายจำนวน 1 คน เข้าไป ก่อเหตุชิงทรัพย์ ที่ห้างทองไทยอุดม 2 


โดยคนร้ายแต่งกายใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้า-น้ำเงินเข้ม กางเกงขายาวสีเทา สวมหมวกแก๊ปสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบสีขาว-ฟ้า-ชมพู เข้าไปภายในร้าน แล้วพูดว่า “อย่าส่งเสียงดัง” พร้อมกับเปิดชายเสื้อแสดงให้เห็นอาวุธปืน จากนั้นจึงได้ทำการเข้าไปชิงเอาสร้อยคอทองคำและสร้อยข้อมือทองคำที่อยู่ภายในร้านไป จำนวน 69 เส้น น้ำหนัก รวม 138 บาท มูลค่ากว่า 7 ล้านบาท แล้วได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป


ด้วยคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ และเป็นคดีที่สนใจของประชาชน เนื่องด้วยคนร้ายก่อเหตุช่วงเวลากลางวันในชุมชน โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เข้าควบคุมสั่งการสืบสวนสอบสวนด้วยตนเองในทันที ร่วมกับ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถพิสูจน์ทราบผู้กระทำความผิดได้ในเวลาอันรวดเร็วเพียง 5 ชม. และขออนุมัติหมายจับต่อศาลได้ในเวลาไม่ถึง 24 ชม. 


ต่อมาวันรุ่งขึ้น (9 เม.ย.2568) เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่าคนร้ายหลบหนีมายังพื้นที่กรุงเทพมหานคร จึงได้บูรณาการการทำงานจนสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาพร้อมด้วยทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกชิงทรัพย์ไปได้บริเวณสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย


โดย พล.ต.อ.ธนายุตม์ กล่าวว่า สำหรับผู้ต้องหามีประวัติเคยก่อเหตุตั้งแต่อายุ 17 ปี ในประเทศมาเลเซียทั้งคดีปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่น จนกระทั่งถูกผลักดันออกนอกประเทศมาเลเชียเข้ามาประเทศไทยพบว่า ยังมีการก่อเหตุซ้ำโดยเมื่อปี 2558 ได้ก่อเหตุฆ่าผู้อื่น 2 ราย ที่ อ.หาดใหญ่ และปี 2560 ก่อเหตุชิงทองกว่า 100 บาทบริเวณตรงข้ามทองปัจจุปัน โดยมีการนำทองไปขายบางส่วนเพื่อซื้ออาวุธปืน ซึ่งถูกจับกุมและถูกศาลสั่งจำคุกกว่า 20 ปี แต่รายละเอียดว่าไดัรับการประกันตัวหรือได้รับการปล่อยตัวเมื่อไหร่ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 9 ตรวจสอบ จนกระทั่งปี 2568 มาก่อเหตุชิงทองร้านดังกล่าว


จากการขยายผลพบว่าผู้ต้องหาถือ 2 สัญชาติคือ สัญชาติไทยและมาเลเชีย รวมทั้งมีบัตรประชาชนคนไทยหลายใบ ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้ ตำรวจภูธรภาค 9 ตรวจสอบรายละเอียดว่าการที่ผู้ต้องหา ถูกจับกุมในคดีอาญา แล้วมีการผลักดันออกนอกประเทศ ไปช่องทางใด แต่ยืนยันเบื้องต้นว่าตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้มีการผลักดันและขึ้นแบล็คลิสไปแล้ว


ส่วนการที่ผู้ต้องหาเข้ามาก่อเหตุ พบว่าเข้ามาโดยช่องทางธรรมชาติ แต่ยืนยันไม่ได้เป็นการบกพร่องของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แต่เพราะผู้ต้องหาจงใจเข้ามาก่อเหตุ จึงหาวิธีหลบเลี่ยง ส่วนจะมีใครเกี่ยวข้องได้สั่งการให้มีการตรวจสอบขยายผลที่มาของอาวุธปืนดังกล่าวแล้ว


ทั้งนี้ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.กล่าวว่า คดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่สามารถ ผู้ต้องหาได้ภายใน 24 ชั่วโมง เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน พร้อมฝากถึงผู้ที่ก่อเหตุ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ไม่ว่าจะเป็นการก่อเหตุในร้านทองหรือธนาคาร ไม่สามารถหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อย่างแน่นอน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ตร.เตรียมหิ้วตัวโจรมาเลย์ ชิงทอง 7 ล้านบาท กลับหาดใหญ่

รู้ตัวโจรชิงทองหาดใหญ่ ประวัติโชกโชนทั้งชิงทอง-ฆ่า

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat