เกาะติด! สถานการณ์ลอบวางระเบิดนราธิวาส เผยคาร์บอมบ์หนัก 100 กิโลฯ ทำเสียหายหนัก

เกาะติด! สถานการณ์ลอบวางระเบิดนราธิวาส เผยคาร์บอมบ์หนัก 100 กิโลฯ ทำเสียหายหนัก

52709 มี.ค. 68 15:11   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

เกาะติด! สถานการณ์ลอบวางระเบิดนราธิวาส เผยคาร์บอมบ์หนัก 100 กิโลฯ ทำเสียหายหนัก พร้อมลำดับเหตุการณ์นาทีเกิดเหตุ

(9มี.ค.68) เวลา 10.30 น. พ.ต.อ.สุธน สุขวิเศษ รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมเดินทางมาตรวจสอบจุดเกิดเหตุคนร้ายวางระเบิดคาร์บอมบ์ พร้อมใช้อาวุธปืนสงครามและระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ใช้ก่อเหตุถล่มที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก ในช่วงคืนที่ผ่านมา เวลา 19.10 น. ก่อนที่จะนั่งรถยนต์กระบะหลบหนีไป ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ อส.ที่ว่าการ อ.สุไหงโก-ลก เสียชีวิต 2 นาย และมี อส.และประชาชนได้รับบาดเจ็บ รวม 9 คนนั้น


ล่าสุดจากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบรถยนต์เก๋งที่ใช้เป็นพาหนะในการประกอบระเบิดคาร์บอมบ์ เป็นรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ ยังไม่ทราบหมาบเลขทะเบียน ถูกจอดทิ้งไว้บริเวณด้านหน้าของอาคารหอประชุม ซึ่งตั้งอยู่ด้านในของที่ว่าการอำเภอ ซึ่งอนุภาคของระเบิดแสวงเครื่องที่บรรจุใส่ไว้ในถังแก๊สหุงต้ม หนัก 100 กก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสารด้วยความสมบูรณ์แบบทำงาน 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้รถยนต์เก๋งคันดังกล่าวกลายเป็นซากเศษชิ้นส่วนกรายในรัศมีกว่า 100 เมตร 


ทั้งนี้แรงระเบิดทำให้ด้านหน้าของอาคารหอประชุมได้รับความเสียหายทั้งแถบ และมีด้านหน้าของอาคารสรรพากร ห้องประชุมชั้น 2 ของที่ว่าการอำเภอ โรงจอดรถดับเพลิง อาคารที่ว่าการอำเภอหลังเก่าที่ใช้เป็นสถานที่เก็บวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมทั้งอาคารแฟลตการเคหะแห่งชาติที่อยู่ด้านหลังที่ที่ว่าการอำเภอ ได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง ทั้งกระจกหน้าต่าง กระจกประตู กระบานเกล็ด หลังคา รถยนต์กระบะ 6 ล้อ และรถยนต์หุ้มเกราะได้รับความเสียหายจากสะเก็ดระเบิดทั้งหมด


ต่อมาเวลา 12.30 น. พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 , พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 , ว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผวจ.นราธิวาส , พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผบก.ภ.จว.นราธิวาส , พ.อ.มานิตย์ ยิ้มซ้าย รอง ผบ.ฉก.นราธิวาส , น.อ.มนตรี โตประเสริฐ ผบ.ฉก.นย. ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ คือที่บริเวณถนนหน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก เป็นจุดที่คนร้ายใช้อาวุธปืนและระเบิดไปป์บอมบ์ยิงและขว้างถล่มใส่เข้าไปในที่ว่าการอำเภอ เพื่อเป็นการเบิกทางให้คนร้ายได้นำรถยนต์เก๋งเข้าไปจอดที่บริเวณหน้าอาคารหอประชุม รวมทั้งเป็นเส้นทางที่คนร้ายวิ่งหนีขึ้นรถยนต์กระบะหลบหนีหลังก่อเหตุแล้วเสร็จ โดยที่คณะแม่ทัพภาคที่ 4 ไม่ได้เดินเข้าไปดูจุดเกิดเหตุคาร์บอมบ์ เนื่องจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ยังตรวจสอบหาหลักฐานต่าง ๆ ยังไม่แล้วเสร็จ


จากการสอบสวนและกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายเอาไว้ได้ สรุปโดยย่อ ดังนี้ 


ในช่วงคนร้ายก่อเหตุมีจำนวนกว่า 10 คน โดยได้แต่งกายเป็นผู้หญิงมุสลิมใช้ผ้าคลุมศีรษะอำพรางใบหน้า นั่งรถยนต์กระบะ 1 คัน และรถยนต์เก๋ง 1 คัน ขับไล่หลังกันมา โดยมีรถยนต์กระบะขับนำหน้า 


เมื่อถึงบริเวณจุดตรวจหน้าประตูทางเข้าของที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก คนร้ายได้กระโดดลงจากรถยนต์กระบะ และเมื่อรถยนต์เก๋งจอดคนร้ายได้ประตูรถยนต์เก๋งออกมา ซึ่งคนร้ายทั้งหมดมีอาวุธปืนครบมือ และได้แยกย้ายออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ ที่บริเวณประตูทางเข้า และที่บริเวณประตูด้านซ้ายมือติดกับตู้ เอ.ที.เอ็ม. 


จากนั้นคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ อส.ที่เข้าเวรยามหน้าประตูในลักษณะไม่ให้ยิงต่อสู้ แล้วคนร้ายได้ขับรถยนต์เก๋งที่ประกอบระเบิดคาร์บอมบ์มาแล้วเสร็จ จอดที่บริเวณประตูทางเข้าซึ่งมีความลาดชัน 


จากนั้นคนขับได้เปิดประตูออกจากรถยนต์เก๋ง แล้วพลัดรถยนต์เก๋งให้ไหล่เข้าไปที่บริเวณหน้าอาคารหอประชุม 


จากนั้นคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงกดไว้ไม่ให้ อส.ที่อยู่ภายในที่ว่าการอำเภอยิงตอบโต้ แล้วคนร้ายได้พากันขึ้นท้ายรถยนต์กระบะคันดังกล่าวขับหลบหนีวกกลับมาทางเดิมโดยมุ่งหน้าไปทาง อ.สุไหงปาดี 


ก่อนที่คนร้ายจะจุดชนวนระเบิดคาร์บอมบ์ที่ประกอบใส่รถยนต์เก๋งคันดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่นายหมู่ใหญ่มูอำหมัดสาบรี นะสวัน เสียชีวิตคาที่ และมี อส.ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ


ในระหว่างที่คนร้ายขับรถยนต์กระบะหลบหนี ได้พบเจอ อส.ทศพล ผายพิมพ์ ที่กำลังเดินทางเข้าสนับสนุนเพื่อน อส.ที่ถูกคนร้ายยิงถล่ม คนร้ายจึงได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงเสียชีวิตบนถนน ห่างจากที่ว่าการอำเภอ ประมาณ 200 เมตร 


ล่าสุดพบว่าคนร้ายที่กระบะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ถูกคนร้ายจอดทิ้งไว้ภายในสวนปาล์ม ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ปิดกันพื้นที่เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบในโอกาสต่อไป


นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบรถยนต์เก๋งที่คนร้ายใช้ก่อเหตุและได้นำเป็นพาหนะในการซุกซ่อนระเบิดคาร์บอมบ์เข้าไปภายในที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก เป็นรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ ติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม กต 9903 ปัตตานี ที่ได้มีการซื้อขายผ่านเฟซบุ๊ก มัดจำผ่านออนไลน์และตรวจรับรถจ่ายเงินในพื้นที่ จ.สงขลา ที่เจ้าหน้าที่จะมีการตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง ว่ามีการซื้อขายกันระหว่างผู้ใดกับคนร้าย


ต่อมา ว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผวจ.นราธิวาส ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก เพื่อเยี่ยมอาการผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 9 ราย ส่วนที่เหลือได้อนุญาตกลับไปรักษาตัวที่บ้านพัก ประกอบด้วย 


  • นายสงกรานต์ ยูโซะอายุ 19 ปี โดนสะเก็ดระเบิดที่ขาขวา มีอาการหน้ามืด ปวดศีรษะ 
  • นายมัสลัน อารง อายุ 32 ปี โดนสะเก็ดระเบิดที่ใบหน้า คอ แขน ขาช้าย แผลไหม้ระดับ 2 
  • นางรัชนีวรรณ จุ้ยทอง อายุ 47 ปี โดนสะเก็ดระเบิดที่แขนขวา 
  • นายจิรภัทร อาแวสือแม อายุ 18 ปี โดนสะเก็ดระเบิดที่แขนขาซ้าย 
  • นายแวซูลกีฟลี วาจิ อายุ34 มี แผลฉีกขาดและมีแผลไหม้ที่มือขวา 
  • นายมะดารี ตาเยะ อายุ 38 ปี มีอาการแน่นหน้าอก มือซ้ายมีแผลฉีกขาด 
  • นายณรงค์ชัย รัดรึงสุนทรี อายุ 52 ปีโดนสะเก็ดระเบิดข้อศอกขวาบวมผิด 


ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย ยังคงนอนรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด คือ 


  • นายธวัชชัย ไชยศรี อายุ 42 ปี มีแผลไหม้ที่ใบหน้า ท้องได้รับการกระแทกจากแรงระเบิด 
  • นายอพิชัย บุตตะจีน อายุ 44 ปี มีแผลไหม้ระดับ 2 ที่ใบหน้า แขนและขา 2 ข้าง 


นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด รวมทั้งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ยังได้เข้าตรวจสอบที่บริเวณถนนเลียบทางรถไฟแยกอรกาน และที่บริเวณหน้าอู่จรัญ ถ.โต๊ะลือเบ เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ซึ่งห่างจากที่ว่าการอำภอสุไหงโก-ลก ประมาณ 2 ถึง 3 ก.ม.ที่คนร้ายได้วางถังแก๊สปิกนิกจุดละ 1 ลูก หนัก 20 กก. และได้เกิดระเบิดขึ้นในช่วงคืนที่ผ่านมา พบว่าคนร้ายได้จุดชนวนระเบิดด้วยวิทยุสื่อสารทั้ง 2 จุด เป็นลักษณะเบี่ยงเบนไม้ให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าช่วยเหลือและสนับสนุนกำลังไปที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก โดยที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บเนื่องจากขณะระเบิดทำงานเจ้าหน้าที่ได้กันพื้นที่ไว้แล้ว


ส่วนในพื้นที่ อ.ตากใบ เกิดขึ้นในช่วงเวลา 04.00 น.ของวันนี้ โดยคนร้ายได้รำระเบิดแสวงเครื่องไม่ทราบภาชนะบรรจุไปวางไว้ที่โคนเสาไฟฟ้าริมถนนสายสุไหงโก-ลก - ตากใบ ช่วงบริเวณบ้านซีโป ต.โฆษิต และคนร้ายได้จุดชนวนระเบิดทำให้เสาไฟฟ้า จำนวน 2 ต้น มีลักษณะเอียงแต่ไม่หักโค่น


ส่วนพื้นที่ อ.สุไหงปาดี คนร้ายได้ใช้ระเบิดแสวงเครื่องไม่ทราบภาชนะบรรจุและตัวจุดชนวนระเบิด ไปวางไว้ใต้โคนเสาไฟฟ้าริมถนนสายสุไหงปาดี-เจาะไอร้อง ช่วงบริเวณบ้านตลิ่งสูง ม.1 ต.สุไหงปาดี ทำให้เสาไฟฟ้าทั้ง 2 ต้นหักแต่ไม่โค่นล้มขวางถนน เนื่องจากมีสายไฟฟ้าต้นใกล้เคียงกันได้พยุงไว้


ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า คนร้ายได้มีการนัดแนะก่อเหตุร้ายขึ้นใน 3 อำเภอ เพื่อสร้างสถานการณ์ร้ายให้เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยเฉพาะเคสภายในที่ว่าการ อ.สุไหงโก-ลก คนร้ายมีเป้าหมายสังหารเจ้าหน้าที่ อส.และทรัพย์สินของทางราชการ


ข่าวเวิร์คพอยท์23

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง