หนุ่มหัวเกรียน กินแล้วชักดาบ ปีนรั้วหนี

เมื่อเวลา 01.30 น. กลางดึกที่ผ่านมา (8 ก.ย.67) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้านข้าวต้มแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ริมถนนบางนา-ตราด ขาออกมุ่งหน้า จ.ชลบุรี พื้นที่ที่ 5 ต.บางพลีน้อย อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ พบกับ น.ส.ณัฎฐณิชา (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ผจก.ร้านดังกล่าว ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดมาให้ดู และพาผู้สื่อข่าวไปชี้จุดที่ผู้ก่อเหตุ "กินแล้วชักดาบ ปีนรั้วหนี" ซึ่งเป็นชายหนุ่ม อายุประมาณ 35-45 ปี รูปร่างสูงใหญ่ ตัดผมสั้น ผิวค่อนไปทางขาว เข้ามานั่งสั่งอาหารรับประทาน จากนั้น ออกอุบายหลอกเด็กเสิร์ฟ เพื่อเปิดทางให้แอบย่องปีนรั้วข้างร้าน หลบหนีไปอย่างลอยนวล ไม่ยอมจ่ายค่าอาหาร 

น.ส.ณัฎฐณิชา กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 02.32 น. วันที่ 7 ก.ย.67 ที่ผ่านมา ชายคนดังกล่าว เข้ามาสั่งอาหาร รวมเป็นค่าอาหารทั้งหมด 448 บาท คือ 

1. ผัดไข่เค็ม ราคา 150 บาท
2. ยำไส้ตัน ราคา 120 บาท
3. ยำปลาสลิด ราคา 120 บาท
4. ข้าวสวย 3 จาน ราคา 45 บาท
5. น้ำดื่ม 1 ขวด + น้ำแข็ง 1 แก้ว ราคา 13 บาท 

หลังกินข้าวหมดไป 1 จาน ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ได้เรียกเด็กเสิร์ฟ สั่งข้าวเปล่าเพิ่มอีก 2 จาน เมื่อเด็กเดินเข้าไปหลังร้าน ชายคนดังกล่าว ค่อย ๆ ลุกขึ้นทำท่าทีเป็นคุยโทรศัพท์ แล้วเดินหลบไปข้างร้าน ไม่ยอมออกไปหน้าร้าน เนื่องจาก หน้าร้านมีเสียงออดติดตั้งเอาไว้ ถ้าใครเดินผ่านจะมีเสียงดัง จากนั้น มุดผ้าใบปีนรั้วหนีไปอย่างลอยนวล โดยไม่ยอมจ่ายค่าอาหาร 

ตอนแรก ตนเข้าใจว่า ผู้ก่อเหตุจะโทรศัพท์ไปคุยกับเพื่อน ที่อาจเดินทางมาหาที่ร้านไม่ถูก แต่เห็นหายไปนาน เมื่อเดินมาดู ก็ไม่พบตัวแล้ว ออกไปถามร้านขายของด้านข้าง ก็ไม่มีใครพบเห็น ก่อนจะมาเปิดกล้องวงจรปิดดู จึงรู้ว่าถูกลูกค้ารายนี้ กินแล้ว "ชักดาบ" ไม่ยอมจ่ายเงิน 

โดยเจ้าของร้าน ได้นำหลักฐานไปแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.บางพลีน้อย เจ้าของพื้นที่ จากนั้น นำเรื่องราวมาโพสต์ลงเพจของร้าน เพื่อตามหาตัวชายคนดังกล่าว พร้อมตั้งเงินรางวัลจำนวน 2 พันบาท สำหรับผู้แจ้งเบาะแส และติดตามจับตัวผู้ก่อเหตุรายนี้มาดำเนินคดี เพื่อจะไม่ไปก่อเหตุกับใครอีก 

พร้อมกันนี้ ฝากถึงผู้ก่อเหตุ "อย่าไปทำอย่างนี้กับใครเลย ทุกคนเขาก็ลำบากเหมือนกันหมด ถ้ายังมีจิตสำนึกอยู่ก็ขอให้กลับมาจ่ายเงินค่าอาหารด้วย" โดยเมื่อปีที่ผ่านมา ร้านเคยโดนลูกค้ากินแล้ว "ชักดาบ" แบบนี้ แต่หลังจากนั้น บุคคลดังกล่าวได้กลับมากินที่ร้านอีกครั้ง ตนจำได้จึงเรียกมาคุยและเจ้าตัวยอมจ่ายเงินที่ค้างจำนวนประมาณ 400 กว่าบาท ร้านก็ไม่ติดใจเอาความอะไร ส่วนกรณีนี้ ถ้ากลับมาจ่ายเงิน ร้านก็ยินดีเจรจาด้วย