เมียสิบโทร้อง! เป็นหนึ่งถูกทุบตีซ้ำยังเอาลูกไปด้วย

เมียสิบโทร้อง! เป็นหนึ่งถูกทุบตีซ้ำยังเอาลูกไปด้วย

44529 ต.ค. 67 19:34   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

ภรรยาร้องมูลนิธิเป็นหนึ่ง ถูกสามี "ทหารยศสิบโท" ทุบตี จนได้รับบาดเจ็บ แถมหอบลูกหนีไปด้วย

(29 ต.ค.67) มูลนิธิเป็นหนึ่งได้พานางสาวตาล ผู้เสียหายมาที่ที่ว่าการอำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อประสานขอความช่วยเหลือกับทางนางอรทัย วงศ์วัชรมงคล นายอำเภอท่ามะกา เพื่อที่จะขอตัวลูกชายวัย 1 ขวบ กลับไปดูแล จากนั้นได้เดินทางลงไปยังบ้านของทหารยศสิบโทคนดังกล่าวพร้อม พมจ.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่ ในพื้นที่ดอนชะเอม อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี


เมื่อไปถึงได้มีการพูดคุยเจรจาเพื่อจะขอนำลูกกลับไปแต่ทางญาติของทางฝ่ายชายไม่ยอมเพราะทั้งคู่ได้มีการจดทะเบียนสมรสกันเมื่อช่วงปี 2566 พูดเพียงแต่ว่าไปขอหมายศาลมาก่อน จนเริ่มมีการปะทะคารมกัน จนกระทั่งต่างฝ่ายยอม ถอยกันคนละก้าวไปเจรจาตกลงกันที่โรงพักเพื่อสลับวันกันดูแลลูก


นางสาว กัญญาพร ดวงเกิด บอกว่า ถ้าถามว่าน้องชายตนตบตีภรรยาเขาจริงไหมยอมรับว่าตบตีจริง โดยส่วนใหญ่ภรรยาเขาจะหาเรื่องทะเลาะตลอดแม้กระทั่งนอนอยู่ก็ถูกด่า ตื่นมาตีสี่ตีห้าก็ถูกด่า ด่ายันบิดามารดา จนมันเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ลงมือตบตี แต่เขาก็รู้ว่ามันไม่ถูกเขายอมรับผิด ส่วนในเรื่องที่บอกว่าน้องชายตนอุ้มลูกหนี น้องชายเล่าให้ฟังว่า หลังจากออกจากบ้านภรรยาน้องชายเป็นคนขับรถพอขับไปสักพัก ภรรยาก็พูดว่าจำทางไม่ได้น้องชายตนจึงบอกให้เปิดจีพีเอส ภรรยาก็ไม่ยอมเปิดแล้วก็ด่านั้นนี่ จนน้องชายตนทนไม่ไหวแล้วก็ทะเลาะตบตีกันในรถ จนภรรยาอุ้มลูกเดินลงจากรถแล้วเดินอยู่ข้างถนน คนเป็นพ่อ จะทนได้ยังไงน้องชายตนก็เลยไปแย่งลูกมาจากภรรยาแล้วก็ขับรถพาลูกกลับมาที่บ้านทิ้งภรรยาไว้ที่นั่นสักพักนึงก็มีตำรวจโทรมาบอกว่าให้กลับไปรับภรรยาแต่น้องชายตนปฏิเสธที่จะกลับไปรับ


ซึ่งสองคนนี้ตลอดระยะเวลาที่คบหากันก็มีการจดทะเบียนสมรสกันแต่ไม่ได้แต่งงาน และที่อ้างว่าถูกสามีทุบตีอยู่บ่อยครั้งนั้นไม่เป็นความจริงมีเพียงแค่สองครั้งเท่านั้นสาเหตุก็มาจากถูกด่าอยู่เป็นประจำจนทนไม่ไหว ซึ่งในส่วนที่ภรรยาจะกลับมาเอาลูกคืนตนมองว่า คล้ายกับจะเอาลูกไปเป็นตัวประกัน ตามไปด่าสามีที่สำนักงาน ก็จะอุ้มลูกไปด้วย ไปนั่งหน้ารถบัสที่น้องชายตนขับ แล้วก็ไปนั่งด่าสามี เมื่อวานก่อนเกิดเหตุก็ไปด่า เขียนนั่นนู่นนี่ไปแปะไว้ที่โต๊ะทำงาน แปะไว้ที่รถบัส แม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อยอย่างเช่นน้องชายตนขับรถไปส่งเจ้าหน้าที่ที่ทำงานหลังจากนั้นจะมีงานต่อแต่จะต้องไปซื้อข้าวให้ ภรรยากินก่อน ทั้งๆที่ตัวเองอยู่ห้องไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมไม่ไปซื้อเอง และช่วงกลางวันจะมาพักผ่อนก็จะถูกภรรยาด่าทออยู่เป็นประจำ ซึ่งตนเองนั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงด่าน้องชายตนเองขนาดนั้น


ถ้าถามเรื่องค่าใช้จ่ายเงินเดือนน้องชายตนออกมา ก็จะให้ภรรยาหมดจนน้องชายตนไม่มีเงิน แล้วใครจะต้องเป็นคนบริหารจัดการเรื่องเงิน จนมามีเรื่องมีราวกู้เงิน 3 แสนบาท น้องชายตนกู้เงิน 3 แสน กู้ในที่ทํางานในระบบราชการกู้มาเพราะว่าภรรยามันบอกว่ามันเป็นหนี้ให้กู้มาใช้หนี้พอกู้มาที่นี่น้องชายตนก็จะโดนหักในระบบเงินเดือนก็จะเหลือน้อยลง ที่เหลือก็ให้ภรรยาหมด น้องตนก็ใช้เงินเพียงวันละ 100 บาทเท่านั้น แล้วก็เรื่องข่าวที่ออกสื่อไปว่าเงิน 2 หมื่นกู้นอกระบบ อันนั้นหมื่นแรกภรรยาน้องชายเขาไม่มีเขาเดือดร้อน หาเงินให้หน่อยได้ไหมตนก็ไปหามาให้ พอหมื่นที่สองก็มาขอให้ช่วยอีก แล้วเรื่องที่ไปกู้มาปล่อยดอกเรื่องก็คือหลังจากนี้ 2-3 เดือน ตอนนั้นตนเองงานน้อย ภรรยาน้องชายตนยื่นข้อเสนอมาว่าให้หาเงินมาเดี๋ยวทางเขาไปปล่อยให้ที่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่ทำงานของเขา ก็ได้ดอกกลับมาทุกอาทิตย์จนครบ 20,000 แต่ 20,000 ตรงนี้เค้าไม่เคยพูดเค้าไม่พูดตรงๆ 20,000 ตรงนี้เขาเอาเงินของตนไปปล่อยเพียงแค่ 15,000 บาท แล้วอีก 5,000 บาท เขาก็เอาเอง ซึ่งตนก็ไม่เคยว่าและยังไม่เคยช่วยจ่ายดอกเบี้ย แต่เขาไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ว่ากูให้พี่มึงมีรายได้เดือนละหมื่นแปดนู่นนี่นั่น อะไรไม่สํานึกบุญคุณอะไรต่ออะไร


ตนเข้าใจว่าเขามีบุญคุณแล้วเงิน 5 พันที่เอาของพี่ไปไม่เคยจ่ายดอกพี่ไม่เคยพูดไม่เคยว่าแล้วตอนนี้เขาบอกว่าเขาไม่รับผิดชอบเงินสองหมื่นที่เอาไปปล่อยแล้วสิ้นเดือนมาใครจะเป็นคนจ่ายดอกเขาไม่รับผิดชอบก่อนที่เขาจะกลับเขาบอกว่าให้น้องชายตนรับผิดชอบ เอาเงินไปซื้อปืนหมดแล้ว จ่ายค่าเครื่องจ่ายค่าปรับกลับมาหมดแล้ว อยากได้ไปเอากับน้องชายตนหรือไม่ก็รอไปก่อนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้จนวันที่มีเรื่องที่เขาบอกว่าพาเจ้าหนี้ไปตบไปตี คือไม่ได้ไปตบไปตีนะ อยู่ๆจะไปอยากไปตบคนเขาแค่อยากไปถามว่าเงินสองหมื่นเนี่ยจะเอายังไง ก็เงียบพอมันมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น มีการจะเอาลูกกลับคืน


ในเรื่องของหลานเขาก็คลอดอยู่นี่ หลังจากนั้นเขาก็วิ่งไปวิ่งมาระหว่างที่บ้านกับที่ทำงานน้องชายตนพอเลี้ยงอยู่ด้วยกันได้ประมาณเดือนกว่าเขาก็ไปญี่ปุ่น ตัวเล็กก็อยู่กลับที่บ้านอยู่กับตายาย หลังจากเขากลับมาจากญี่ปุ่นก็มารับไป 1-2 วันก็เอากลับมาส่งพอเขาไปทํางานเขาก็เอามาส่ง แต่คือหลักๆเลย น้องอยู่ที่บ้านอยู่กับยายจนถึงเมื่อต้นเดือนนี้เขาไปญี่ปุ่นรอบนี้เขาไปนานเขาไป 3 เดือนกว่าเขาไม่ได้ไปแค่ 15 วันกลับ เขาไป 3 เดือนกว่า พอเขากลับมาตอนนั้นเริ่มมีปัญหากับน้องชายตนแล้ว เริ่มด่าทอน้องชายตน แล้วก็จะกลับมาเอาลูกซึ่งตอนนั้นน้ายังบอกว่าตอนนี้มีปัญหายังไม่ต้องเอาไปหรอก จะทะเลาะอะไรกันไปทะเลาะให้มันตายกันไปข้างนึงแล้วค่อยกลับมาเอาลูกเค้าก็ไม่ยอม และที่บ้านก็ไม่ได้ปิดกั้นก็ให้เอาไป พอเอาไป พอคืนแรกเลยก็ไปนั่งเฝ้าไปนั่งรอน้องชายที่ขับรถบัสที่ตึก สี่ทุ่มห้าทุ่มหลานตนยังไม่นอนเลย


ทางด้านต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง บอกว่า วันก็พาผู้เสียหายที่เขานําลูกมาฝากไว้กับครอบครัวผู้ชายซึ่งวันนั้นเค้ามีปัญหากัน ซึ่งตอนแรกก็ชุลมุนกันนิดหน่อย ต่างฝ่ายก็ต่างใช้อารมณ์แต่ว่าเราโฟกัสที่เรื่องหนึ่งการทําร้ายคนในครอบครัวสองเรื่องเด็กซึ่งผู้ชายเองก็รับราชการทหาร ฝ่ายหญิงก็จดทะเบียนสมรส ฉะนั้นสิทธิ์ในการดูแลบุตรทั้งสองก็คือคนละครึ่งแต่ ณ ตอนนี้ ผู้ใหญ่มีปัญหากันเรามองว่าเราไม่อยากให้ผู้ใหญ่เอาอารมณ์ที่โกรธเคืองกันมาลงที่เด็กว่าฉันมีอํานาจ ฉันจะเอาลูกไป ฉันไม่ให้ลูกไป ผลกรรมตกอยู่ที่เด็กอารมณ์ของผู้ใหญ่จะทําให้ปัญหาทุกอย่างตกอยู่ที่เด็กคนนึง


ช่วงแรกเจรจากันไม่รู้เรื่อง เพราะต่างฝ่ายก็ต่างแรงฉะนั้นเองเราก็ต้องเอาข้อกฎหมายมาพูดกันถึงจะต้องอ่อนลง ตอนนี้ก็ตกลงกันแล้วเดี๋ยวทางฝ่ายชายเขาก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ให้เอาไปทางฝ่ายหญิงเขาก็ไม่ได้บอกว่าเขาจะเอาไปถาวรฉะนั้นมันก็ต้องมีตรงกลางถ้าไม่มีตรงกลางปัญหาก็เกิดฟ้องร้องกันเด็กก็ต้องมาอยู่ในสถานสงเคราะห์รอระหว่างที่พ่อแม่ฟ้องร้องกันไม่เป็นผลดีเลยเด็กควรอยู่บ้านกับใครคนใดคนนึงดีที่สุดแม่สามารถมาเยี่ยมลูกได้แม่สามารถเอาลูกกลับไปเที่ยวได้พ่อก็มีสิทธิ์เหมือนกัน ฉะนั้นเองตรงกลางต้องมีสรุปวันนี้มาทําข้อตกลงที่ผู้หญิงสามารถเอาลูกไปเล่นได้เพราะเดี๋ยวแม่เค้าต้องไปทํางานในการส่งเสียเลี้ยงดูอยากให้ทุกคนใช้สติ ตอนนี้ผู้ชายก็ร้อนผู้หญิงก็ร้อนเดี๋ยวเย็นกันเมื่อไหร่ก็มาคุยกันฉะนั้นเองก็ต้องมีญาติทางฝ่ายหญิงทางฝ่ายชายที่จะต้องมาเป็นคนกลางไอ้เรื่องความแค้นส่วนตัวหรือว่าเคยทะเลาะวิวาทกันวางลงไว้ดีกว่าถ้าคุณจะเอาแต่เรื่องในอดีตมาพูดว่าเคยเป็นอย่างงั้นเคยเป็นอย่างงี้มันไม่จบปัญหามันก็จะเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆสุดท้ายแล้วเด็กจะเป็นคนรับกรรม

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง