เพื่อนบ้านร้องสาวจิตป่วย สาดฉี่ใส่หน้าบ้านทุกคืน

(3 ก.พ. 68) เวลา 10.00 น. นายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้พาสื่อมวลชนลงพื้นที่ตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือ ชาวบ้าน กรณี หญิง อายุประมาณ 30 ปี มีอาการป่วยทางจิตอาละวาด ชอบสาดปัสสาวะ เขวี้ยงหิน ขวด ใส่บ้านเพื่อนบ้านได้รับความเดือดร้อน อาศัยอยู่กับพ่อ 2 คน แต่พ่อก็ไม่ทำอะไร แจ้งตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ กลัวจะเป็นอันตราย เสียสุขภาพกายและสุขภาพจิต เพราะถูกสาดปัสสาวะเหม็นทุกคืน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยพาไปรักษา เหตุเกิดในพื้นที่ชุมชนใกล้โรงเรียนคลองลำเจียก ลาดพร้าว 

นางสาวปลา (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ผู้เสียหายที่ถูกข้างบ้านที่เป็นหญิงมีอาการทางจิตสาดปัสสาวะใส่ ปาก้อนหิน กระชากประตู และด่าด้วยคำที่หยาบคาย จนเธอทนไม่ไหวไปแจ้งความ ไปร้องเรียนมาหลายที่ก็ไม่เกิดผล จนไปร้อง นายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข

นางสาวปลา เล่ากับทีมข่าวว่า ตลอด 7-8 เดือน เธอต้องทนพฤติกรรมของเพื่อนบ้านคนนี้ แทบจะทุกคืนคู่กรณีจะสาดปัสสาสะใส่มาทางบ้านเธอ ก่อนหน้าที่จะนำผ้าใบสีดำมาขึง ก็จะเป็นแนวต้นไม้และเธอจะตากผ้าตรงนั้น ทำให้ทุกวันเสื้อผ้าเลอะปัสสาวะเหม็นคลุ้งไปทั่ว จนเธอทนไม่ไหวเอาผ้าใบมาขึงและติดกล้องวงจรปิด บางวันคู่กรณีก็จะนำเศษกระเบื้อง ก้อนหิน ปาเข้ามาที่บ้านของเธอ วันดีคืนดีคู่กรณีก็เดินทาเขย่า มากระชากประตูบ้าน และด่าเสียๆหายๆว่าครอบครัวเธอ บางครั้งคู่กรณีก็ข่มขู่ ว่าอย่าผ่านหน้าบ้านกูนะ ซึ่งเธอก็กังวลเพราะมีนจำเป็นต้องผ่านเนื่องจากมันเป็นถนนริมคลองเส้นเดียวและบ้านเธอคือหลังสุดท้าย

นางสาวปลา บอกอีกว่า เธอมีหลานอายุ 5 ขวบ อยู่ด้วยก็กลัวความปลอดภัย และกลิ่นปัสสาวะมันรบกวนการหายใจเพราะหลานก็มีปัญหาทางปอดดมปัสสาวะทุกวันมันก็ไม่ดี และไม่ใช่แค่บ้านเธอที่โดนแบบนี้ เพื่อนบ้านที่อยู่โดยรอบโดนกันหมดและโดนแบบเดียวกันกับเธอ จนคนแถวนี้หมดความอดทน นางสาวปลา ยังบอกอีกว่าสาเหตุที่ทำให้คู่กรณีอาจจะไม่พอใจตนเอง อาจเป็นช่วงก่อนหน้านี้ที่ พี่ชายของคู่กรณีทะเลาะกับน้องสาวจนถูกทำร้าย และมาขอความช่วยเหลือเธอให้ไปช่วยจับน้องสาว เหตุการณ์นี้ก็อาจจะทำให้คู่กรณีไม่พอใจเธอก็ได้

ที่ผ่านมาเธอพยายามไปคุยกับพ่อของคู่กรณีให้ห้ามปรามลูกสาว แต่ก็ไม่เป็นผล อย่างเมื่อ 2 วันก่อน ลูกสาวมาเขย่าประตู พ่อก็ห้าม จนทะเลาะกัน แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะลูกสาวไม่ได้ฟังพ่อ และพ่อคู่กรณีเคยบอกกับเธอว่า ถ้ามีผู้เสียหายหลายคนก็รวมกันไปแจ้งความและมาเอาตัวลูกสาวไปรักษา แต่ถ้าจะให้พ่อพาไปก็ไม่เอาเพราะไม่มีเงินพาไป 

ขณะที่ทีมข่าวไปคุยกับ น.ส.ส้ม อายุ  32 ปี ผู้ก่อเหตุ ที่เพื่อนบ้านกล่าวหาว่ามีอาการป่วยจิตเวช อ้างว่า ตนเองเป็นฝ่ายโดนเพื่อนบ้านกระทำเหมือนกับที่เราไปทำเขา โดยก่อนหน้านี้เพื่อนบ้านคู่กรณีได้ใช้ทางเข้าออกบ้านอีกเส้นทางนึง แต่ต่อมาได้มีปัญหากับเพื่อนบ้านฝั่งดังกล่าว คู่กรณีจึงได้เปลี่ยนมาใช้เส้นทางเลียบคลองที่ผ่านหน้าบ้านตน ต่อมาคู่กรณีได้นำสุนัขมาเลี้ยง แล้วสุนัขได้เข้ามาขับถ่ายในบ้านของตน ตนจึงบอกคู่กรณีให้หาวิธีแก้ไข แต่ก็ไม่เป็นผล ส่วนอาการป่วยทางจิตเวชตนเองเคยเข้ารับการรักษาแล้วมีการรับยา ยืนยันว่าไม่ได้หนีออกมาจากโรงพยาบาล

ต่อมานายเล็ก อายุ 65 ปี  พ่อของผู้ก่อเหตุ บอกว่า ตนเองไม่รู้ว่าลูกสาวเอาปัสสาสะไปสาดใส่บ้านคนอื่น เพราะทุกวันลูกสาวจะนอนกลางวัน และออกจากบ้านประมาณ 1 ทุ่ม ออกไปห้างและประมาณเที่ยงคืนลูกก็จะกลับมา ซึ่งตนเองก็นอนไปแล้ว และปกติลูกสาวจะปัสสาวะใส่กระป๋องแล้วเอาไปเททิ้งที่ห้องน้ำ แต่จะเทจริงหรือไม่ตนเอก็ไม่ทราบ

ที่ผ่านมาตนเองก็พยายามห้ามไม่ให้ลูกสาวไปมีเรื่องกับใคร แต่ลูกสาวก็ไม่ฟัง และตนก็เถียงไม่ไหวก็เลยตีลูกสาวไป และลูกสาวเคยบ่นว่ามีปัญหากับเพื่อนบ้าน เพราะเพื่อนบ้านเสียงดัง รบการการนองของลูกสาว แต่ตนเองก็ไม่อยากยุ่ง อะไรห้ามลูกสาวได้ก็พยายามห้าม

เมื่อถามว่าลูกมีอาการทางจิตหรือไม่ นายเล็กบอกว่า ลูกพูดคนเดียวบ่อย แต่ก็ไม่เคยทำร้ายตนเองหรือข้างของในบ้าน และถ้าวันนี้มีเจ้าหน้าที่มาพาลูกไปรักษาตนก็ยินดี แต่ก็ขึ้นอยู่กับลูกสาวว่าจะไปหรือไม่ 

ด้าน นายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า  จากการลงพื้นที่มาวันนี้ได้มีการให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขใช้เครื่องมือตรวจสุขภาพเบื้องต้นตรวจผู้ก่อเหตุ โดยพบว่าผู้ก่อเหตุมีอาการความเครียดสะสมค่อนข้างสูง อีกทั้งได้ตรวจสุขภาพขอบพ่อด้วยเช่นกัน หลังจากนี้ในส่วนของผู้ก่อเหตุก็จะส่งตัวเข้าสู้ขบวนการตรวจทางจิตเวชอย่างละเอียดหากพบว่ามีอาการป่วยจริงก็จะมีการส่งตัวเข้าสู้ขั้นตอนการรักษาต่อไป ในส่วนที่พ่อมีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็อาจจะใช้สิทธิ์ 30 บาท รักษาทุกที่