ยิ่งปรับ ครม. ยิ่งร้าวแรง! “วิโรจน์” ลั่นสมัยนี้ ปชน.ไม่จับมือ พท.แน่!
ยิ่งปรับ ครม. ยิ่งร้าวแรง! “วิโรจน์” ลั่นสมัยนี้ ปชน.ไม่จับมือ พท.แน่!

“วิโรจน์” ทำนายยิ่งปรับ ครม.กระชับอำนาจรัฐบาล รอยปริร้าวพรรคร่วมยิ่งรุนแรง ประกาศสมัยนี้ ปชน.ไม่ร่วมรัฐบาลแพทองธารแน่ ไม่รู้ข่าว ภท.ถูกผลักเป็นฝ่ายค้าน มองปรับ ครม.เกี๊ยเซี้ยกลุ่มทุนศักดินา ประชาชนไม่ได้อยู่ในสมการเหมือนเศษเนื้อข้างเขียง
(21 เม.ย. 68) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณี การปรับคณะรัฐมนตรี ที่เห็นความวุ่นวายของนายใหญ่ ซึ่งไม่ได้มีเนื้อหาสาระ แก้ไขปัญหาให้กับประชาชน แต่เป็นการปรับเพื่อเอาอกเอาใจบริหารความพึงพอใจ ของพรรคร่วมรัฐบาล แต่ไม่เอาเป้าหมายที่จะทำให้ประชาชนมีความผาสุกมาเป็นตัวตั้ง วินาทีนี้เลยจุดนั้นมาแล้ว ที่จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลกลับมาปรองดอง และสมานฉันท์ในการทำงานร่วมกัน เพราะมีร่องรอยของพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งเป็นรอยปริร้าวอย่างรุนแรง หากพรรคเพื่อไทยจะกระชับอำนาจในการดึงกระทรวงสำคัญ มาอยู่ในมือของตัวเอง ก็จะจะยิ่งทำให้รอยร้าว ของพรรครวมรัฐบาลขยายตัวในระดับที่รุนแรงมากขึ้น
พร้อมย้ำว่า การตั้งรัฐบาลชุดนี้ คือการติดกระดุมเม็ดแรกผิด ไม่ได้นำประชาชนมาเป็นสมการ ไม่ได้เอาปัญหาของประชาชนมาเป็นโจทย์ที่จะแก้ แต่นำดีล ที่ทำไว้กับผู้มีอำนาจ และกลุ่มทุนศักดินา เป็นตัวตั้ง มองประชาชนเป็นคนที่รอคอยผลประโยชน์ ในลักษณะเศษเนื้อข้างเขียง ดังนั้นการปรับครม.ในครั้งนี้ เป็นเหมือนเกี้ยเซี้ย เป็นความพยายามกวนน้ำที่เสียแล้วให้กลับมาพอได้ ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน
ส่วนสูตรที่มีกระแสพูดถึงพรรคภูมิใจไทยจะถูกผลักมาเป็นฝ่ายค้าน นายวิโรจน์ระบุว่ายังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ ก็เป็นเรื่องของรัฐบาลไป แต่สิ่งที่ยืนยันได้คือ สมัยนี้ พรรคประชาชนจะไม่ร่วมรัฐบาล ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรีก็เป็นเรื่องของนายกฯ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรายังไม่เจอ มาตรการตอบโต้ภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งประเทศกำลังเผชิญหน้ากับพลวัตร ซึ่งสถานการณ์ยังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา กระทบเศรษฐกิจโดยตรง เราต้องการภาวะผู้นำ อย่างมาก ของนายกรัฐมนตรี แต่เรายังไม่เห็นตรงนั้น เรายังไม่เห็นส่วนกลางภาวะผู้นำ ของแพทองธาร ชินวัตร ตอนนี้เราเห็นแต่การสาละวน เกี้ยเซี้ยผลประโยชน์ ต่อรองผลประโยชน์ร่วมกัน นี่จึงเป็นดีลปีศาจไม่ใช่ดีลเพื่อประชาชน
ขณะที่ความคืบหน้า การถอดถอน ปปช. นายวิโรจน์ระบุว่า ได้ได้ยื่นผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ และจะต้องติดตามกันต่อไป ในช่วงเปิดสมัยประชุม ซึ่งก็เป็นไปตามกรอบระยะเวลา ต้องยอมรับว่า กรณีกรณีที่ประธานปปช. ไปพบกับประธานรัฐสภา เป็นเรื่องที่ประชาชนเคลือบแกสงสัย ถูกวิจารณ์เป็นอย่างมากอยู่แล้ว คลิปที่มีการสนทนา อาจจะเชื่อได้ว่า เรื่องที่คุยกันเป็นเรื่องที่ไม่สุจริตได้ เราจะปล่อยให้เรื่องนี้เนียนหายไปไม่ได้ จะทำให้เสื่อมเกียรติภูมิ ของทั้งสองท่าน และก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองท่านด้วย
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
