“บิ๊กอ้วน” ชี้น้ำท่วมแม่สายหากเกิดเหตุซ้ำอีกอาจกลายเป็นเมืองใต้ดิน
“บิ๊กอ้วน” ชี้น้ำท่วมแม่สายหากเกิดเหตุซ้ำอีกอาจกลายเป็นเมืองใต้ดิน
'ภูมิธรรม' รับน้ำท่วมแม่สายหากแก้ปัญหาไม่ได้อาจต้องย้ายเมือง ชี้หากเกิดเหตุซ้ำอีกไม่เกิน 100 ปี อาจกลายเป็นเมืองใต้ดิน
วันที่ 11 ต.ค.67 เวลา 12.09 น.ที่กระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชุมสภากลาโหมว่า ได้มีการพูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพและมีผลสรุปแต่ละขั้นตอน คือ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น ซึ่งมีทั้งหมด 3 ขั้นตอน 1. ในส่วนของการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นนั้น ตนเองต้องขอชื่นชมเหล่าทัพพร้อมให้กำลังใจ เพราะว่าหลังจากเกิดเหตุ รัฐบาลไม่ต้องสั่งการอะไร เพราะทหารนั้นปฏิบัติหน้าที่ในการลงไปช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดภัย สามารถเข้าถึงพื้นที่และทำงานได้ทันที โดยเป้าหมายแรกคือไม่ให้มีผู้เสียชีวิต หลังจากนั้นจึงมีการตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ส่วนหน้าขึ้นซึ่งมี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ที่ได้ปฎิบัติหน้าที่อยู่ ซึ่งก็ได้ให้เวลา 30 วัน ในการแก้ปัญหาทำงานเต็มที่ อีกทั้ง จากผลสรุปรายงานที่ตนได้ทราบนั้น ตนยอมรับว่าน้ำท่วมในครั้งนี้ เป็นการท่วมพิเศษซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นายภูมิธรรม กล่าวว่า 2.เรื่องของการฟื้นฟูทางทหารได้มีการพิจารณาแล้วว่า วงเงินเยียวยา 9,000 บาท ที่มอบให้ผู้ได้รับผลกระทบนั้น ยังไม่สามารถช่วยฟื้นฟูได้ทั้งหมดเพราะเสียหายทั้งหลัง แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมกำลังใจ ซึ่งได้มีการมอบหมายให้จัดการประชุมและหาทางออก ว่าจะใช้กฎระเบียบหรือนโยบายอย่างไร ในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือได้มากขึ้น
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่าสุดท้าย 3. การแก้ไขปัญหาระยะยาว ได้มีการพูดคุยถึงการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ระยะยาว โดยในส่วนของแม่น้ำสาย อาจจะต้องมีการขุดลอกใหม่ โดยในที่ประชุมสภากลาโหม ได้มีการนำภาพถ่ายดาวเทียมของบริเวณดังกล่าวมาดูในที่ประชุม และเห็นว่ามีการรุกล้ำทางน้ำจนเหลือเพียงแค่ 20 เมตรเท่านั้น จึงคิดว่าต้องดำเนินการทันที หลังจากปัญหาเฉพาะหน้าได้ผ่านพ้นไป โดยจะมีการเรียกประชุมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลถล่ม (ศปช.) ในวันที่ 15 ต.ค.2567 เพื่อพิจารณาว่าจะทำอย่างไรในด้านการหารือกับเมียนมา
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ทางกฎหมายและกรมสนธิสัญญา กระทรวงการต่างประเทศ และกองบัญชาการกองทัพไทย ได้มีการประสานกับทางการประเทศเมียนมาเพื่อจะพูดคุยกันแล้ว ว่าอาจจะต้องมีการผลักดันพื้นที่รุกล้ำออกไปทั้งหมดทั้ง 2 ฝ่าย ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถพูดคุยแก้ปัญหากันได้ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็จะต้องดูว่าสามารถแก้ไขอย่างไรได้บ้าง เช่น เรื่องดิน และถึงที่สุด หากแก้ไขปัญหาไม่ได้ อาจจะถึงขั้นต้องเปลี่ยนแปลงหรือย้ายถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่เรากำลังคิดกันอยู่ เพราะเรากำลังคาดการณ์ว่าจากสภาพแบบนี้หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นทุกปี ในระยะเวลาไม่ถึง 100 ปี บ้านเมืองที่อยู่ในบริเวณนั้น ก็อาจกลายเป็นเมืองใต้ดินไปได้ จากการถูกสิ่งต่าง ๆ ทับถม
เมื่อถามอีกว่าหากมีการย้ายเมือง รัฐบาลจะต้องมีการเวนคืนพื้นที่เพื่อรองรับด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กรณีดังกล่าวขอให้เป็นกรณีสุดท้าย หากไม่สามารถแก้ไขด้วยวิธีอื่นได้แล้วจริง ๆ เนื่องจากจะต้องดูทั้งเรื่องทำเลที่ตั้ง เรื่องงบประมาณ และเรื่องอื่น ๆ ด้วย ถ้าสรุปเราจะต้องย้ายเมืองจริงๆก็ต้องคิดกันต่อไป
เมื่อถามว่าสำหรับมาตรการรองรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลาง และภาคใต้นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลก็ได้ดูแลสถานการณ์ทั่วประเทศอยู่แล้ว โดยขณะนี้ภาคเหนือ ภาคอีสานก็ผ่านไป ขณะภาคใต้ เริ่มมีฝนตก จึงได้มีการสั่งการให้มีการป้องกันสถานการณ์อุทกภัย ในทุกพื้นที่ดังกล่าวไว้แล้ว