จับสึกแล้ว! พระเร่ขายโดนัทกลางสี่แยกไฟแดง

(28 ม.ค.68) จากกรณีที่มีผู้ชายหัวโล้นห่มจีวรคล้ายพระสงฆ์ มีอาการเหมือนคนเมายา เดินวนเวียนเร่ขายขนมโดนัท ให้กับผู้ที่ขับรถผ่านไปมาและติดไฟแดง บริเวณสี่แยกไฟแดงเบญจมราชูทิศ ถนนกะโรม ตำบลโพธิ์เสด็จ อำเภอเมืองจังหวัดนครศรีธรรมราช หวุดหวิดโดนรถเฉี่ยวชนหลายครั้ง 

จนกระทั่งทางพระครูสมุห์พิศิษฐ์ อานาลโย เจ้าอาวาสวัดคงคาเลียบ ตำบลท่าซัก อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นพระวิทยาธิการหรือตำรวจพระของคณะสงฆ์จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยประชาร่วมใจและฝ่ายปกครองอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เดินทางมาตรวจสอบชายหัวโล้นห่มจีวรคล้ายพระสงฆ์รูปดังกล่าว พบว่ากำลังเดินโซซัดโซเซหิ้วถุงขนมโดนัทเร่ขายรถที่ติดไฟแดงกลางสี่แยกไฟแดงเบญจมราชูทิศ 

จากการตรวจสอบพบว่า พูดจาวกวน พอปะติดปะต่อได้บ้างโดยอ้างว่าชื่อ “พระผล” บวชที่วัดคุณาราม ในอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เดินทางมากับเพื่อน แต่เพื่อนได้ให้ลงจากรถยนต์แล้วขับหลบหนี และยังบอกว่ารอเพื่อน เพราะเพื่อนบอกว่าจะมารับ จึงยืนรอเพื่อนตั้งแต่ช่วงกลางวันวันที่ 27 ม.ค.68 จนใกล้ค่ำมีคนขายขนมโดนัทและพวงมาลัยบริเวณสี่แยกไฟแดงอยู่หลายคน จึงไปขอซื้อขนมโดนัทแม่ค้า 3 - 4 ถุง ๆ ละ 5 ชิ้น ๆ ละ 2 บาท เอามาเร่ขายชิ้นละ 1 ล้านบาท หวังได้กำไรอย่างมหาศาล แต่ขายอยู่หลายชั่วโมงยังขายไม่ได้สักชิ้น ก่อนที่พระครูสมุห์พิศิษฐ์ อานาลโย เจ้าอาวาสวัดคงคาเลียบ ในฐานะพระวินยาธิการ หรือตำรวจพระจะนิมนต์พระผลไปจำวัดที่วัดคงคาเลียบ ต.ท่าซัก เพื่อรอการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ต่อไปนั้น

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดคงคาเลียบ ม.3 ต.ท่าซัก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พบว่าพระผล ยังคงเดินวนเวียนอยู่รอบๆวัด โดยพูดจาวกวนไม่ค่อยรู้เรื่อง  

ต่อมามีพระครูสิทธิเทวธรรม เจ้าอาวาสวัดศรีมงคล ในฐานะเจ้าคณะตำบลปากพูน ได้เดินทางมายังวัดคงคาเลียบ เพื่อทำการตรวจสอบอาการของพระผล แต่ปรากฏว่าพูดจาไม่รู้เรื่อง อ้างว่าเป็นพระอยู่วัดคุณาราม อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบไปยังเจ้าอาวาสวัดคุณารามแล้ว ยืนยันว่าไม่ใช่พระลูกวัดของวัดคุณาราม แต่เคยตระเวนมาจำวัดที่วัดต่างๆใน อ.เกาะสมุย และเพิ่งเดินทางออกจากเกาะสมุยได้ประมาณ 14-15 วันมาแล้ว จนมาพบก่อเหตุที่ อ.เมืองนครศรีธรรมราช

จากนั้นทางพระครูสมุห์พิศิษฐ์ อานาลโย เจ้าอาวาสวัดคงคาเลียบ ได้ติดต่อแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช และตำรวจสายตรวจตำบลท่าซัก และจนท.ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง สังกัด พม.ร่วมเดินทาง มาทำการตรวจสอบพระรูปดังกล่าว พบว่ายังอยู่ในอาการโวยวายพูดจาไม่รู้เรื่อง ก่อนที่จนท.จะให้พระผล ทำการตรวจตรวจปัสสาวะก็ไม่พบฉี่สีม่วง 

ในที่สุดเจ้าหน้าที่ได้นิมนต์พระผลไปให้ พระครูสิทธิเทวธรรม เจ้าคณะตำบลปากพูน ทำการสึก โดยก่อนทำการสึกพระผลพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ยอมสึก โดยมีการกล่าวอ้างเบื้องสูงด้วยจนทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและตำรวจได้เกลี้ยกล่อมเป็นเวลานานเกือบ 1 ชม. ให้ยอมสึกในที่สุด 

พระผลจึงยอมสึกจากความเป็นพระ แล้วเปลี่ยนชุดเสื้อผ้าเป็นฆราวาส ก่อนจนท.ฝ่ายปกครองและตำรวจได้นำตัวไปยังรพ.มหาราชนครศรีธรรมราช เพื่อให้แพทย์ทำการตรวจวินิจฉัยรักษาอาการป่วยจิตต่อไป และทางจนท.พม.จะได้ดำเนินส่งตัวไปยังศูนย์คนไร้ที่พึ่งนครศรีธรรมราชต่อไป เพื่อไม่ออกมาสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านต่อไป

อย่างไรก็ตามหลังทำการสึกจากความเป็นพระแล้ว นายผล หรือ อดีตพระผล ยังหวงผ้าจีวรที่ถอดออกแล้ว จะเอาจีวรติดต่อไปด้วย แต่จนท.ไม่ยอมให้ และจากการตรวจประวัติทะเบียนราษฎร์ของพระผลทราบว่าชื่อนายผล อายุ 52 ปี ซึ่งจนท.จะได้ติดต่อญาติมารับตัวภายหลังต่อไป.