“กัณวีร์” จวกรัฐไร้แผนรับมือคนจากแก๊งสแกมเมอร์

“กัณวีร์” จวกรัฐไร้แผนรับมือคนจากแก๊งสแกมเมอร์

56119 ก.พ. 68 13:42   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

“กัณวีร์” จวกรัฐบาลไร้แผนรับมือคนจำนวนมากที่ถูกช่วยจากแก๊งสแกมเมอร์ฝั่งเมียนมา ชี้ล่าช้าแบบนี้ไม่ต่างจากรัฐล้มเหลว - ระบุวันนี้เครื่องบินจีนจะมารับคนจีนที่แม่สอด ไทยพลาดโอกาสได้ข้อมูลปราบจีนเทา-ไทยเทา

(19 ก.พ. 68) นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กัณวีร์ สืบแสง Kannavee Suebsang ระบุว่า


“ถ้าไม่มีแผนรับมือการตัดวงจรคนที่ทำงานแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องออกตัวแรงในการตัดไฟ ตัดน้ำมัน ตัดเน็ต ล่าสุดทางกองกำลังชาติพันธ์ุที่ช่วยคนออกมาอาจรับต่อไม่ไหว ถ้าล่าช้าแบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับรัฐล้มเหลว


เข้าสู่ 2 สัปดาห์แล้วกับมาตรการกดดันแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาลไทย  ทำการประเมินกันหรือยังครับว่า ได้ผลในการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ขนาดไหน อย่างที่ผมบอกไปเสมอว่าตัวชี้วัดสำคัญอย่างหนึ่งคือการตัดวงจรคนที่ทำงานพวกนั้นน่าจะเห็นชัดสุด เพราะเรารู้กันดีว่าในเมืองสแกมเมอร์เหล่านั้น มีคนมาทำงานอยู่จริง แต่น่าจะมีแค่รัฐบาลไทยที่ไม่รู้ เพราะไม่เคยเห็นรัฐมนตรีคนไทยมาลงพื้นที่จริง มาดูให้เห็นกับตาว่า เมืองสแกมเมอร์ที่คนทั้งโลกรู้จักนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร 


สุดท้ายการทำขึงขังว่าตัดไฟฟ้า ตัดน้ำมัน ตัดเน็ต ไปยังเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ก็อาจเป็นแค่การแสดงเอาใจจีน ก่อนที่นายกฯแพทองธาร เดินทางไปพบนายสี จิ้นผิง ของจีน อย่างที่ผมเคยบอกไป เพราะผ่านมาถึงวันนี้ หน้าที่ที่รัฐบาลไทยต้องทำ หน้าที่ที่รัฐบาลไทยต้องเตรียมรับมือคนที่อยู่ในขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ไม่ว่าจะเต็มใจมาทำงาน หรือเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ รัฐบาลไทย ยังต้องให้นาย หลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีจีน มาชี้นิ้วสั่ง แถมยังข้ามแดนไปมาอย่างตามใจชอบไปเตรียมการกับเมียนมา โดยที่รัฐบาลไทยยังหลับหูหลับตา รอคุยกับชาติอื่นๆ


ชีวิตคน ชีวิตเพื่อนมนุษย์ ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกทรมานจากขบวนการอาชญากรรมที่เลวร้ายนี้ ถ้าเป็นลูกหรือครอบครัวเรา จะทนกันไหวไหมที่จะให้อยู่ในสถานที่ที่มีมาเฟียมาทำร้ายร่างกายตัวเอง บังคับให้ทำงาน แม้ว่าตอนนี้กองกำลังชาติพันธุ์ไม่ว่าจะเป็น BGF หรือ DKBA จะช่วยเหลือมาแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่า กระบวนการในการส่งตัวล่าช้า


ถ้าไม่นับชุดใหญ่ 260 คน ที่ผมขอชื่นชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่กล้าหาญรับคนเหล่านั้นมาจากกองกำลัง DKBA เมื่อวันที่ 12 ก.พ.68 ที่บ้านช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก เป็นภารกิจมนุษยธรรมไร้พรมแดน ที่ควรได้เสียงปรบมือ แต่กลับกลายเป็นคำตำหนิจากรัฐบาล 


เราไม่มีเวลามาโทษกัน ถ้าเรามีสำนึกของความเป็นมนุษย์ และนี่ก็ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ที่รัฐบาลไทยกดดันให้มีการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ ไม่ว่ากลุ่มชาติพันธุ์เขาจะเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่เมื่อเขาให้ความร่วมมือปราบปราม รัฐบาลไทยก็ควรต้องเตรียมรับมือในการรับคนจำนวนมากเหล่านั้น ช่วยให้เขาได้กลับประเทศของเขาโดยเร็ว


ล่าสุดผมได้รับรายชื่อชาวต่างชาติ 317 คนจากทางกองกำลัง DKBA ว่าขณะนี้พวกเขาได้ช่วยเหลือชาวต่างชาติมาได้เพิ่ม อยู่ในที่ปลอดภัยและดูแลมา 5-6 วันแล้ว แต่ด้วยขั้นตอนที่ต้องส่งตัวให้รัฐบาลเมียนมา เพื่อส่งให้ไทย ทำให้กระบวนการล่าช้า ยังไม่รู้กำหนดว่าพวกเขาจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่ ทำให้กองกำลัง DKBA ไม่ได้ไปรวบรวมคนจากบริษัทสแกมเมอร์มาเพิ่ม เพราะดูแลไม่ไหว 


พวกเขาบอกผ่านมาทางผมว่า ถ้าจะให้นำคนทั้งหมดไปส่งที่เมียวดี ก็ลำบากเรื่องการขนส่ง ไม่มีรถจะส่งคนมากขนาดนั้น แถมหากทำการเคลื่อนย้ายคนเยอะขนาดนั้นไปเมียวดีจะต้องผ่านพื้นที่บางพื้นที่ที่ยังมีการเผชิญหน้ากันของกองกำลังที่อาจมีอันตรายได้ ดังนั้นสถานที่ที่อยู่ในพื้นที่ DKBA ก็ปลอดภัยดี การส่งผ่านช่องทางบ้านช่องแคบแบบเดิมสะดวกที่สุด และขณะนี้หลายประเทศก็ติดต่อมาว่าอยากรับคนของตัวเองแล้ว แต่ติดตรงขั้นตอนพิธีการของรัฐบาลไทยและเมียนมา


ถ้าหากยืดเยื้อและล่าช้าแบบนี้ พวกเขาก็อาจจะดูแลต่อไม่ได้ หรือไม่ก็ควบคุมสถานการณ์อะไรไม่ได้ หากคนพวกนั้นหลบหนี หรือจำเป็นต้องปล่อยตัวไป ก็เสียประโยชน์เปล่าที่ช่วยเหลือกันมา และทราบข่าวมาว่าทาง BGF ก็กำลังประสบปัญหาเดียวกัน และน่าจะหนักกว่าเพราะมีคนหลายพันคน

และสิ่งที่ย้อนแย้งอย่างมาก กับการที่ไทยจะให้แต่ละประเทศรับคนกลับไปเองที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 จะไม่มีที่พักให้  ซึ่งต้องถามว่าจะเอาคนเหล่านั้นเข้ากลไกการส่งต่อระดับชาติ NRM เพื่อคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์หรือไม่ 


มันดูลักลั่น ย้อนแย้งไปหมด เหมือนรัฐบาลนี้ไม่มีนโยบายอะไร แค่ปัดให้พ้นตัว ไม่อยากยอมรับว่าคนเหล่านี้ผ่านทางประเทศไทย ไม่อยากยอมรับว่าคนเหล่านี้ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ เพราะคนไทยไปเกี่ยวข้องในการรับส่ง เพราะเจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละละเลยให้คนข้ามแดน เหมือนอย่างที่ หม่อง ชิตตู่ ปรามาสกลับมาว่า คนพวกนั้นไม่ได้ตกมาจากฟ้า ฮ่าๆๆ ก็น่าอับอายจริงๆ


ผมยังรอการตัดสินใจที่เด็ดขาดจากรัฐบาลไทย ที่เวลานี้เป็นโอกาสสำคัญที่ไทยจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นผู้นำปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ และเป็นผู้นำด้านมนุษยธรรม ในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์นับหมื่นคน 


อย่าเอาแต่ทำการทูตแบบเงียบๆ จนผู้ช่วยรัฐมนตรีจีน มาปาดหน้า ทำการทูตแบบโจ่งแจ้ง ข้ามแดนไปมาแม่สอด เมียวดี จนคนไทยคิดว่าเป็นรัฐมนตรีของไทยไปเสียแล้ว”


นายกัณวีร์ยังระบุในอีกโพสต์ด้วยว่า “เครื่องบินจีน 2 ลำถึงแม่สอดเย็นวันนี้ เตรียมรับคนจีนพวกแก๊งค์คอลเซนเตอร์กลับจีนวันพรุ่ง จบกันการบังคับใช้กฎหมายไทยต่อคนทำผิดที่ใช้ไทยเป็นที่นำพาและเจตนาค้ามนุษย์ ข้อมูลที่จะมาปราบเครือข่ายไทยดำ/เทาก็ปลิว !!”



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง