ออกหมายจับ "สมหวัง" คนจ้างวาน "จ่าเอ็ม" ยิงอดีต สส.กัมพูชา พบเข้าออกไทย 2 ปีกว่า 100 ครั้ง

ออกหมายจับ "สมหวัง" คนจ้างวาน "จ่าเอ็ม" ยิงอดีต สส.กัมพูชา พบเข้าออกไทย 2 ปีกว่า 100 ครั้ง

25315 ม.ค. 68 18:47   |     Tum1

ออกหมายจับ "สมหวัง" คนจ้างวาน "จ่าเอ็ม" ยิงอดีต สส.กัมพูชา เข้าออกไทย 2 ปีกว่า 100 ครั้ง ยังไม่ชัดขัดแย้งเรื่องอะไร

(15 ม.ค.68) ความคืบหน้า จากกรณีนายเอกลักษณ์ หรือ จ่าเอ็ม (สงวนนามสกุล) ยิงนายลิม กิม ยา อดีต สส.กัมพูชา เสียชีวิต โดยข้อมูลการสืบสวนมีรายงานว่า ศาลอาญาได้ออกหมายจับ นายลี รัตนรัศมี (Ratanakraksmey Ly ) หรือชื่อในประเทศไทย คือ นายสมหวัง บำรุงกิจ อายุ 43 ปี ชาวกัมพูชานั้น

ความคืบหน้า วันนี้ เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา เปิดเผยว่า สำหรับผู้ร่วมกระทำความผิดเพิ่มเติม นอกจากนายชาคิส ที่ขออนุมัติศาลออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 14 ม.ค.67 ที่ผ่านมา ทางพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ร้องขอและศาลอาญา ได้ออกหมายจับ นายลี หรือ นายสมหวัง ในข้อหา

  1. เป็นผู้ใช้จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
  2. พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร
  3. ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดซึ่งใช่เหตุในเมือง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :


ส่วนพฤติการณ์ที่พอจะกล่าวได้นั้น คือเป็นผู้สั่งการและผู้จ้างวาน โดยมีหลักฐานการสั่งการและหลักฐานการโอนเงินค่าจ้างวานมาถึงผู้ต้องหา ส่วนประเด็นเป็นเรื่องส่วนตัวหรือธุรกิจนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ตัวนายสมหวัง เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย จากการประมวลผล "จ่าเอ็ม" ช่วงหลังเริ่มให้การเป็นประโยชน์มากขึ้นว่า นายสมหวัง มีสาเหตุโกรธแค้นกับผู้เสียชีวิตในเรื่องส่วนตัว ขอให้ "จ่าเอ็ม" จัดการให้ 

จากการเข้าไปสอบปากคำเพิ่มยืนยันว่า "จ่าเอ็ม" พูดเพียงแค่นี้ และไม่ทราบภูมิหลังของผู้เสียชีวิต (ว่าเป็นอดีต สส.กัมพูชา) รู้เพียงแค่ตำหนิรูปพรรณ ว่าสวมกางเกงสามส่วน เสื้อสีขาว โดยคนชี้เป้าแจ้งมา นั่งอยู่หน้ารถ สะพายเป้ เมื่อมาถึงเห็นตามรูปที่ส่งมา เจอก็ยิงทันที จากการสอบสวน "จ่าเอ็ม" รับคนเดียว ทางพนักงานสอบสวน ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร แม้ว่ายอมรับผิดคนเดียวแต่มีความกังวลว่า เอาปืนไปฝากรุ่นน้องแล้วรุ่นน้องที่ว่าจะเดือดร้อนด้วยไหม 


เมื่อถามว่า ที่ยิงในประเทศไทยทั้งที่เป็นเรื่องขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านนั้น พล.ต.ต.อัฏธพร กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้ตัวนายสมหวังมา กรณีของหมายจับ ก็เพราะว่ามีพยานหลักฐานเชื่อได้ว่า นายสมหวังเป็นผู้จ้างวานและผู้สั่งการ มีการจ้างวาน 60,000 บาท ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวน มีหลักฐานเสนอต่อศาลอาญาออกหมายจับ รวมทั้งหลักฐานรายละเอียดการโทรศัพท์ "นายสมหวัง" โทรหา "จ่าเอ็ม" หลังเสร็จงานก็มีอยู่สำนวน และทางตำรวจได้ดำเนินการตรวจสอบโทรศัพท์ผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว โดยได้ประชุมร่วมกับชุดสืบสวนในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาทุกวัน หลังไม่ได้ข้อมูลจาก "จ่าเอ็ม" ก็ต้องแกะข้อมูลวิเคราะห์จากโทรศัพท์มือถือ เมื่อได้แล้วก็ย้อนกลับไปถาม "จ่าเอ็ม" เพื่อให้ยืนยันอีกครั้ง เมื่อหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ชัด "จ่าเอ็ม" จึงรับสารภาพ ซึ่งพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับ "นายสมหวัง" นั้น เป็นพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ล้วนๆ

จากการตรวจสอบหลักฐานล่าสุด นายสมหวังเข้าประเทศมาตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.68 ที่ผ่านมา เวลา 22.00 น.เศษ อยู่ในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เหตุเกิดวันที่ 7 ม.ค.68 และเดินทางออกนอกประเทศไปในเช้าวันที่ 8 ม.ค.68 ออกไปประเทศเพื่อนบ้านช่องทางปกติ แต่มีการเข้าออกในประเทศใน 2 ปีกว่า 100 ครั้ง อยู่ระหว่างประสานหมายแดงกับทางกองการต่างประเทศ  


เมื่อถามว่า โอกาสได้ตัว "นายสมหวัง" และ "คนชี้เป้า" นั้นมากน้อยแค่ไหน ผบก.น.1 กล่าวว่า ทางผู้บังคับบัญชาทำเรื่องขอความร่วมมือไป ขอเป็นหมายจับสีแดง ขณะนี้กระบวนการอยู่ระหว่างรออนุมัติอยู่ ถ้ามีการประสานรับตัวผู้ต้องหาอย่างไรนั้น จะแจ้งให้ทราบต่อไป กระบวนการขอหมายก็ส่งไปที่กองการต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว 

เมื่อถามว่า จะถูกตัดตอนออกจากสำนวนหรือไม่ หลังมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง พล.ต.ต.อัฏธพร ตอบว่า เรื่องสำนวนเป็นหลักฐานทางคดีที่ ผบช.น.กำชับมาว่า ถึงใครให้ดำเนินการให้หมด ข้อมูลทางคดีนั้น มีหมายจับทั้งหมดแล้ว ถึงยังไม่ได้ตัว ก็ต้องสั่งฟ้องผู้ต้องหาหลบหนีอยู่แล้ว 



ตอนนี้เนื้อสำนวนมีการยิงกันในเขตพื้นที่ สน.ชนะสงคราม คนยิงรับสารภาพว่า คนนี้จ้างวานหลักฐานถึงเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แค่นี้ ถ้ามีข้อมูลมากขึ้นก็ดำเนินการต่อ ซึ่งในเวลานี้ยังมีผู้ต้องหา 4 ราย แต่ต้องดูว่ากระบวนการพา "จ่าเอ็ม" หลบหนี หรือจัดหารถจัดหาปืนมีหรือไม่ ในชั้นนี้ยังไม่พบใคร แต่ได้สอบพยานไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของรถ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องต่างๆ แต่ใครมีพฤติการณ์เข้าข่ายอย่างเช่น "ชาคิต" ทางพนักงานสอบสวนก็ต้องดำเนินการขออนุมัติหมายจับ แท็กซี่ไม่เกี่ยวข้อง 


พล.ต.ต.อัฏธพร ย้ำด้วยว่า ประเด็น "นายสมหวัง" เป็นนักการเมืองหรือไม่ ยังไม่ทราบ ทราบแต่ว่าใช้ชื่อว่าลี เท่านั้น ตามพาสปอร์ต ส่วน "สมหวัง" เป็นชื่อใช้ตอนอยู่เมืองไทย ไม่มีชื่อปรากฎอยู่ในทะเบียนราษฎร์ คนแถวพัทยา จ.ชลบุรี เรียกเขาเป็นนั้น โดยไม่ทราบว่าทำธุรกิจอะไร แต่เชื่อว่าต้องเข้ามาทำอะไรสักอย่าง เลยใช้ชื่อดังกล่าว ทำให้ "จ่าเอ็ม" เข้าใจว่าชื่อสมหวัง ส่วนรู้จักกันมากี่ปีนั้น ช่วงที่ "จ่าเอ็ม" เดือดร้อนถูกจะออกราชการ จากการกระทำความผิดทางวินัยหลายเรื่อง "นายสมหวัง" เข้ามาให้ความช่วยเหลือเรื่องเงินทอง โดยเพื่อนหลายคนแนะนำไปหา บอกว่า "พี่หวังเขาช่วยเหลือได้" - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง