สืบภาค 1 บุกจับซิมบ็อกซ์ ลอบติดตั้งในห้องพักคอนโดฯย่านบางซ่อน

สืบภาค 1 บุกจับซิมบ็อกซ์ ลอบติดตั้งในห้องพักคอนโดฯย่านบางซ่อน

22526 ก.พ. 68 17:27   |     Tum1

สืบภาค 1 บุกจับซิมบ็อกซ์ ลอบติดตั้งในห้องพักคอนโดฯย่านบางซ่อน พบชื่อคนจีนเป็นเจ้าของ แต่ข้อมูลไม่ตรงกับเอกสาร จนท.เร่งสืบสวนขยายผล

(26 ก.พ.68) กองบังคับการตำรวจภูธรสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 1 พร้อมด้วย ตำรวจ สน.เตาปูน , เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง 1 ได้นำหมายค้นศาลอาญาที่ ค.127/2568 ลงวันที่ 25 ก.พ.68 เข้าทำการตรวจค้นห้องเลขที่ XX คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งภายในซอย กรุงเทพ-นนท์ 23/1 หลังมีผู้เสียหาย ถูกหลอกโดยการแอบอ้างข่มขู่ ว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดให้โอนเงินไปตรวจสอบ ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินไปเป็นจำนวน 180,000 บาท ทางเจ้าหน้าที่ จึงทำการสืบสวนสอบสวนจนพบว่า สัญญาณโทรศัพท์นั้นมาปรากฏอยู่ที่คอนโดฯแห่งนี้ 


หลังสืบทราบ ชุดสืบสวน จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา จากการเข้าค้นพบ เครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด ( gsm gateway ) หรือ ซิมส์บ็อกซ์ จำนวน 3 เครื่อง ซึ่งสามารถใส่ซิมการ์ดได้ 32 ช่อง/เครื่อง , โมเด็มต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ต จำนวน 1 เครื่อง , กล้องวงจรปิด จำนวน 1 ตัว ซึ่งภายในห้องดังกล่าวไม่พบตัวผู้ต้องหาแต่พบกล้องวงจรปิดและอุปกรณ์ต่างๆ ยังคงทำงานอยู่ โดยทันทีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปภายในห้อง คาดว่า ทางผู้ต้องหาน่าจะเห็นผ่านกล้องวงจรปิดจึงได้ทำการตัดสัญญาณเครื่องซิมบ็อกซ์ทันที



จากการสืบสวนเบื้องต้น พบว่า ห้องดังกล่าวมีชาวจีนเป็นเจ้าของ โดยให้คนไทยเป็นนอมินีในการทำสัญญาการซื้อขายคอนโดฯ เช่าได้ประมาณ 2-3 เดือน โดยไม่มีใครอาศัยอยู่ห้องนี้ แต่จะมีการสังเกตการณ์ผ่านกล้องวงจรปิด หากพบว่า ซิมบ็อกซ์มีปัญหาก็จะส่งโปรแกรมเมอร์เข้ามาดูแล ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวมีความผิดฐาน “ร่วมกันทำ มีใช้ นำเข้า นำออกหรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต , ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต”

  

ทางตำรวจจึงได้ประสานไปที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน หรือ พฐ.เข้าเก็บหลักฐานภายในห้องดังกล่าว เช่น ดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือแฝงบนอุปกรณ์ต่างๆ จากนั้น จะส่งลายนิ้วมือแฝงทั้งหมดตรวจประวัติอาชญากร หากพบว่า มีประวัติก็จะมีการออกหมายจับทันที โดยหลังจากตรวจสอบได้นำของกลาง และวัตถุพยานทั้งหมดส่งที่สน.เตาปูน ที่เป็นเจ้าของพื้นที่ 

โดยทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง 1 ได้นำคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถเชื่อต่อข้อมูลสารสนเทศ หรือ ระบบไบโอเมทริกซ์ (Biometric) ที่สามารถเคลื่อนที่ได้มาใช้ และทำการตรวจสอบเจ้าของห้องกับนิติบุคคล พบว่า คนจีนเจ้าของห้องไม่ได้เดินทางเข้าออกประเทศไทยเลยซักครั้ง และสำเนาหนังสือเดินทางมีข้อมูลไม่ตรงกัน จึงได้เชื่อได้ว่า คนจีนดังกล่าวใช้เอกสารปลอมให้การซื้อขายห้อง ที่นำมายื่นต่อกรมที่ดิน และการไฟฟ้านครหลวง แต่ต้องไปตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งกับกรมที่ดิน



ด้านตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 1 เปิดเผยว่า ปัจจุบันพบพฤติกรรมชาวต่างชาติลักลอบเปิดห้องพักในคอนโดมิเนียมให้เช่า เป็นที่พักคล้ายกับโรงแรมแบบรายวันและรายเดือน ในเมืองหลวงหรือเมืองท่องเที่ยว ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว สร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าของห้องพักที่มาซื้อห้องอยู่ และต้องการความเป็นส่วนตัว โดยประเด็นนี้ พบหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลตรวจสอบ คือ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง ตำรวจและนิติบุคคล ไม่มีอำนาจในการดำเนินการ 

เบื้องต้น จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่า กรมการปกครองมีอำนาจที่จะตรวจสอบผ่าน พ.ร.บ.โรงแรมและระเบียบกรมที่ดิน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพ แต่ก็พบว่า ระเบียบและข้อบังคับดังกล่าวออกมาตั้งแต่ปี 2555 หรือกว่า 10 ปีที่แล้ว ส่วนนี้จึงอาจจะต้องมีการปรับปรุง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง