“โรม” ซัด “ภูมิธรรม” บอกถ้าเป็นผมคงรับตัวเองไม่ได้
“โรม” ซัด “ภูมิธรรม” บอกถ้าเป็นผมคงรับตัวเองไม่ได้
“โรม” ซัดหนักปมนิรโทษกรรม 112 ถาม “ภูมิธรรม” มองการต่อสู้ของภาคประชาชนในปัจจุบันแล้วไม่เห็นตัวเองเลยเหรอ บอกถ้าเป็นตัวเองคงรู้สึกรับตัวเองไม่ได้
(29 ต.ค. 67) ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่เห็นชอบกับการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทยเคยสัญญาว่าจะคลี่คลายปัญหาของคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการเมือง จึงไม่ควรมองว่านิรโทษกรรมคดีใดบ้าง แต่ควรมองหลักการว่าหากเราต้องการคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ว่าจะโดนด้วยข้อหาอะไร ก็ควรได้รับการนิรโทษกรรม
นายรังสิมันต์กล่าวว่า การดำเนินคดีการเมืองโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องยอมรับว่า บางครั้งก็ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง หรือเพราะสถานการณ์ที่บีบคั้นทำให้ผู้ชุมนุมพูดเกินเลยไป จึงต้องดูเจตนา แต่คำถามที่ต้องคิดคือ ประเทศเราได้อะไรจากการดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 ส่วนตัวมองว่าการนิรโทษกรรมสามารถทำได้ และรัฐบาลนี้ก็ถูกคาดหวังว่า ครั้งหนึ่งรัฐบาลเองก็ถูกจดจำในประวัติศาสตร์ว่าอยู่เคียงข้างประชาชน ต่อสู้เพื่อคนตัวเล็กตัวน้อย ต่อสู้กับชนชั้นนำ หรือผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ในสังคม ทำไมวันนี้เปลี่ยนไปขนาดนั้น
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อไปว่า แม้กระทั่งนายภูมิธรรมเอง แน่นอนตนเองทราบดีว่าคนเดือนตุลาฯ ก็มีอุดมการณ์ที่หลากหลาย สิ่งที่เคยต่อสู้ในวันนั้นอาจจบลงไปแล้ว แต่คุณมองสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ การชุมนุมปี 2563 การต่อสู้ของภาคประชาชน ไม่เห็นตัวเองในนั้นบ้างเลยหรือ
“ถ้าสมมติว่าผมเป็นคนแบบคุณอ้วน ภูมิธรรม ผมคงรับตัวเองไม่ได้นะ อะไรทำให้การตัดสินใจของท่านในการคลี่คลายความขัดแย้ง ทั้งที่ตัวเองมีโอกาสแล้ว ความจริงคุณภูมิธรรมเคยเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งในสังคม เคยถูกกล่าวหา วันนี้บ้านเมืองของเราต้องการโอกาสที่ 2 เราต้องการการนิรโทษกรรม” รังสิมันต์กล่าว
นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า หลายคนที่มาเป็นนักการเมืองในวันนี้ ไม่สามารถมาเป็นได้ หากไม่ได้รับการนิรโทษกรรมก็ไม่สามารถมายืนตรงนี้ได้ ตนอยากให้เรามองเห็นประโยชน์ว่า นี่คือโอกาสทีประเทสไทยจะได้เริ่มต้นกันใหม่ เชื่อว่านิรโทษกรรมเป็นวิธีการที่น่าจะพอคุยกันได้ และละมุนละม่อมที่สุด จะตั้งเงื่อนไขก็ตั้งกันว่าอะไรคือความเหมาะสม และการนิรโทษกรรมก็ไม่ใช่การยกเลิกกฎหมาย ไม่ใช่การแก้ไข มาตรา 112 และกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยออกมา ก็ไม่ได้รวมไปถึงการนิรโทษกรรม ดังนั้น รัฐบาลสามารถทำได้ และคิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับสังคมวันนี้
เมื่อถามต่อว่า นายภูมิธรรมอาจจะได้รับใบสั่งมาหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ไม่อยากไปสรุปว่ามีใบสั่งหรือไม่มี แต่อยากให้มองว่า นี่คือโอกาสที่สังคมไทยจะได้กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ วันนี้ท่านได้อยู่ในอำนาจแล้ว อย่าปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป มันจะเป็นบาดแผลครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่เฉพาะของสังคมไทย แต่จะเป็นบาดแผลของตัวท่านเองด้วย