กมธ.ตรวจสวนทุเรียนกลางเขื่อน ไม่พบกลุ่มทุนจีนรุกที่

กมธ.ตรวจสวนทุเรียนกลางเขื่อน ไม่พบกลุ่มทุนจีนรุกที่

31922 ก.พ. 68 18:39   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

กมธ.วุฒิสภาลงพื้นที่ตรวจสวนทุเรียนบนเกาะกลางเขื่อนคีรีธารจันทบุรี เผยยังไม่พบทุนจีนเทา เป็นพื้นที่ทับซ้อนให้ชาวบ้านทำกินต่อระหว่างรอออกเอกสารสิทธิ์ แต่ห้ามบุกรุกเพิ่ม

(22 ก.พ. 68) นายชีวะภาพ ชีวะธรรม กรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่มายัง บ้านสะพานหินบน หมู่ 3 ต.บ่อเวฬุ อ.ขลุง จ.จันทบุรี เพื่อติดตามและตรวจสอบข้อเท็จจริง ตลอดจนความคืบหน้ากรณีข้อร้องเรียน มีการบุกรุกทำแปลงปลูกทุเรียน บนเกาะกลางเขื่อนคีรีธาร เนื้อที่กว่า 100 ไร่ แบ่งแยกออกเป็นหลายแปลง


โดยได้เดินทางมาพบกับ ชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ทำกินอยู่ในเขตที่ได้รับการร้องเรียนในการชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ ที่มารอฟังความชัดเจนจากหน่วยงานเจ้าภาพ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรที่ดินทำกิน ซึ่งมีบางจุดไม่ชัดเจน สร้างประเด็นทุนจีนบุกรุกที่ป่าปลูกทุเรียน ส่งผลทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ต้องตกเป็นจำเลยสังคม เป็นผู้ร้ายทำลายทรัพยากรของชาติ



พร้อมทั้งเพื่อรับฟังรายงานผลการตรวจสอบความคืบหน้า จากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องต่างๆ ว่าพื้นที่ที่ได้รับการร้องเรียนมีเนื้อที่เท่าไหร่กี่แปลง อยู่ในเขตพลังงานไฟฟ้า หรือเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลหรือไม่อย่างไร 


โดย นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ยอมรับว่าหลังจากที่ได้รับข้อมูลจากทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจันทบุรี รวมถึง ท้องถิ่น จึงมีความชัดเจนว่าพื้นที่ใน 2 อำเภอที่ทับซ้อนของ กรมพลังงานน้ำและป่าไม้ ยืนยันไม่มีกลุ่มทุนจีน หรือทุนเทา ตามที่มีการกล่าวอ้างร้องเรียน ชาวบ้านที่เคยทำกินอยู่ปัจจุบัน ก็สามารถทำกินต่อได้ตามปกติ แต่ไม่สามารถบุกรุกถามเพิ่มเติมได้อีกต่อไปแล้ว  



จากนั้นได้เดินทางลงพื้นที่เข้าตรวจสอบ บริเวณแปลงทุเรียนที่มีการร้องเรียน เพื่อดูสภาพที่แท้จริง เบื้องต้นพื้นที่ดังกล่าวมีลักษณะ เป็นเกาะ อยู่ในอ่างเก็บน้ำคิรีธาร และมีการดำเนินการถมดิน เพื่อทำเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างริมเขื่อน เข้าไปถึงตัวเกาะกลาง 


ในส่วนทางด้านด้าน ส.ป.ก.จันทบุรี ได้ชี้แจงว่า เป็นพื้นที่ ที่กรมป่าไม้มอบให้ สปก. นำมาดำเนินการปฏิรูปที่ดิน หลังตรวจสอบอย่างละเอียดและทำการส่งคืนให้กับกรมป่าไม้ เหลือที่ดินอยู่จำนวน 25,224 กว่าไร่ อยู่ในพื้นที่สองตำบลของ อ.ขลุง คือ ต.ตกพรม และ ต.บ่อเวฬุ ซึ่งตามข้อเท็จจริงยังไม่ได้มีการนำมาปฏิรูปที่ดินให้กับใครเพราะ พื้นที่ดังกล่าวอยู่ระหว่างการทับซ้อนระหว่างสองหน่วยงานคือสหกรณ์และกรมพัฒนาพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน โดยหลังจากนี้ สปก.จะเร่งหาแนวทาง แก้ไขปัญหาแนวเขตที่ทับซ้อนกับผู้ที่ถือครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายต่อไป


ขณะที่ นายกรรชัย มีกระโดน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ต.บ่อเวฬุ บอกว่าวันนี้ชาวบ้านเดินทางมาร่วมรับฟัง และอยากเห็นความชัดเจนของหน่วยงานภาครัฐ ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรมพลังงาน / ป่าไม้ / รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของ จ.จันทบุรี ที่จะให้ความชัดเจนกับชาวบ้านในสิทธิ์ทำกิน ซึ่งชาวบ้านทำกันมานาน และยืนยันว่า ทุนจีนนั้นเป็นคำที่รุนแรงและกล่าวอ้าง สำหรับคนทำสวนในพื้นที่ดินที่รัฐมอบให้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ตกเป็นจำเลยสังคมทุกวันนี้ อยากได้เห็นสื่อที่เป็นกลาง มาฟังความคิดเห็นจากชาวบ้าน ไม่บิดเบือนข้อมูลความจริง



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง