รวบอดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สวมบัตรเครดิต ทำเสียหายกว่า 1.2 ล้านบาท

รวบอดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สวมบัตรเครดิต ทำเสียหายกว่า 1.2 ล้านบาท

43929 ม.ค. 68 18:47   |     Tum1

CIB รวบอดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สวมบัตรเครดิตผู้เสียหาย ผูกบัญชีซื้อของออนไลน์ เสียหายกว่า 1.2 ล้านบาท

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พ.ต.ต.พงศธร รัชตวัชรางกูร สว.กก.3 บก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย ที่ถนนแจ้งวัฒนะ 1 แยก 5 ตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ความผิดฐาน "ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้ เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสดของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น" ผู้ต้องหาประกอบด้วย 

นายสืบสกุล (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.116/2568 ลงวันที่ 23 ม.ค.68 โดยกล่าวหากระทำผิดฐาน “ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้ เพื่อประโยชน์ในการชำระสินค้าฯ ”

นายณัฎฐศรัณย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.118/2568 ลง 23 พ.ค.68 


ตรวจยึดของกลาง จำนวน 5 รายการ ประกอบด้วย Macbook , บัญชีเงินฝาก , โทรศัพท์มือถือ , พาสปอร์ต ชื่อนายวรุตม์ และพาสปอร์ต ชื่อนายสืบสกุล


ข่าวที่คล้ายกัน :



สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณปลายเดือนธันวาคม 2567 ผู้เสียหายได้ตรวจสอบพบว่า มีการทำธุรกรรมจากบัตรเครดิตของผู้เสียหายจำนวน 2 ใบ โดยมีรายการทำธุรกรรมจำนวน 26 รายการ มูลค่าความเสียหายกว่า 1.2 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายไม่ทราบที่มา จากนั้น จึงได้มีการดำเนินการให้ทางธนาคารช่วยตรวจสอบ แล้วพบว่า มีคนร้ายปลอมแปลงข้อมูลสวมบัตรเครดิตของผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี และต่อมาได้ร้องขอให้ทาง กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยด่วน เนื่องจาก เป็นคดีที่ประชาชนทั่วไปได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก มีผลกระทบต่อสังคมเป็นวงกว้าง พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป. จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ต.พงศธร รัชตวัชรางกูร สว.กก.3 บก.ป. ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุม


จากการสืบสวน ทราบว่า กลุ่มคนร้ายมีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยเริ่มจากการที่คนร้ายนำข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหายไปสวมรอยโทรแจ้งพนักงานธนาคาร อ้างว่า ต้องการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ที่ผูกกับบัตรเครดิต จากนั้นเมื่อเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ได้แล้ว คนร้ายจะนำรหัสยืนยัน OTP ไปยืนยันเพื่อเอาข้อมูลจากบัตรเครดิต และคนร้ายจะใช้ข้อมูลบัตรเครดิตดังกล่าว ไปผูกกับบัญชีของกลุ่มคนร้ายในแอปพลิเคชัน ซื้อขายสินค้าออนไลน์ และทำการสั่งซื้อสินค้า โดยจะเลือกเฉพาะสินค้าที่มีราคาสูง เช่น สร้อยคอทองคำ, Macbook จากนั้นจะให้จัดส่งมายังที่อยู่ของกลุ่มผู้ต้องหา โดยมีการอำพรางหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ในการติดต่อ เพื่อให้ยากต่อการติดตาม และนอกจากนี้ในการสั่งสินค้าจะไม่นัดรับสินค้าที่บ้านพักอาศัย

ต่อมา พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และทำการออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมด 3 คน โดยจากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม พบมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาไม่มีอาชีพการงานเป็นหลักแหล่ง เชื่อว่า มีพฤติการณ์ในการหลอกลวงผู้เสียหาย เพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินโดยมีเจตนาทุจริต จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.3 บก.ป. จึงได้ทำการสืบสวนติดตามตัวแล้วขอหมายค้น ศาลอนุมัติตามคำขอ นำสู่การจับกุมตัวได้ดังกล่าว



โอกาสนี้ ตำรวจสอบสวนกลาง ขอฝากเตือนให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้สูงอายุ วัยหลังเกษียณ ให้รู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยุคนี้ประชาชนเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น จะกด จะโอน หรือให้ข้อมูลใครต้องปรึกษาหรือบอกลูกหลานให้ทราบก่อน และรวมไปถึงผู้ที่รับเปิดบัญชีม้า ไม่ว่าจะเป็นกรณีกลุ่มอาชญากรขอซื้อบัญชีให้ไปใช้ หรือถูกชักชวนให้มีการเปิดบัญชี เพื่อแลกกับเงินค่าตอบแทน อาจจะถูกดำเนินคดีในฐานะเป็นตัวการร่วม หรือผู้สนับสนุนกระทำความผิด และความผิดฐานฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มีอัตราโทษตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับ 10,000 – 200,000 บาท - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน






TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง