มอบตัวแล้ว! หนุ่มขับรถบรรทุกหัวร้อน ใช้ด้ามมีดฟาดหัวชายวัย 54 ต่อหน้าลูกวัย 11 ได้รับบาดเจ็บ ซ้ำยังเตะเสยปลายคางจนรถล้ม
มอบตัวแล้ว! หนุ่มขับรถบรรทุกหัวร้อน ใช้ด้ามมีดฟาดหัวชายวัย 54 ต่อหน้าลูกวัย 11 ได้รับบาดเจ็บ ซ้ำยังเตะเสยปลายคางจนรถล้ม
มอบตัวแล้ว! หนุ่มขับรถบรรทุกหัวร้อน ใช้ด้ามมีดฟาดหัวชายวัย 54 ต่อหน้าลูกวัย 11 ได้รับบาดเจ็บ ซ้ำยังเตะเสยปลายคางจนรถล้ม เหตุฉุนจอดรถ จยย.ขวางท้ายรถ ซ้ำตรวจเจอฉี่ม่วง
(16 ธ.ค.67) จากกรณีเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ โพสต์คลิป สองพ่อลูก ถูกหนุ่มหัวร้อนขับรถกระบะบรรทุก ลงมือทำร้ายใช้ด้ามมีดตีเข้าที่ศีรษะ ชกต่อยเข้าที่ใบหน้า เหตุฉุนจอดรถขวางหน้าร้านสะดวกซื้อ ในตลาดแห่งหนึ่ง ม.2 ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ต่อหน้าลูกชายวัย 11 ขวบที่ป่วยเป็นโรคหัวใจร้องขออย่าทำร้ายพ่อ แต่ก็ไม่หยุดแถมเตะเสยเข้าที่ปลายคางจังหวะที่พ่อลูกจะพากันขับรถกลับจนรถล้ม บาดเจ็บสาหัส แจ้งความที่ สภ.บางน้ำจืดย่อย จ.สมุทรสาคร แต่ไม่มีความคืบหน้าของคดี
นายเอ เล่าว่า ในวันที่ 8 ธันวาคม เวลาประมาณ 22.30 น. ตัวเองกำลังจะพาลูกชายออกไปกินข้าวบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ในตลาด ม.2 ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ระหว่างที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ได้ขับไปต่อท้ายรถคันก่อเหตุ ซึ่งเป็นรถหกล้อที่ใช้สำหรับส่งของ จังหวะที่ใกล้จะถึงร้านอาหาร รถของผู้ก่อเหตุเหมือนจะถอยหลัง ซึ่งตนเองอยู่ต่อท้าย ถ้ารถคันดังกล่าวถอยมาก็อาจจะเหยียบตนเองและลูกชายอย่างแน่นอน จากนั้นตนเองจึงเดินไปถามคนขับรถส่งของว่าทำไมถึงขับรถแบบนี้ ถ้าขับแบบนี้จะเหยียบลูกกับตนแล้ว ผู้ก่อเหตุก็เปิดกระจก และพูดว่า “ทำไม มึงมีอะไร” ด้วยท่าทีโมโห
ส่วนตัวเห็นท่าไม่ดีจึงเดินกลับไปที่ลูกชาย พร้อมหยิบมีดจากตะกร้าหน้ารถมาไว้ข้างตัวแต่ไม่ได้หยิบออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะต้องการป้องกันความปลอดภัยของตนและลูก เมื่อฝั่งนั้นเห็นว่าตนมีมีดก็ถามว่า “มึงมีมีใช่ไหม กูก็มีเหมือนกัน” ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเดินตรงมาหาตัวเองและลูก
ซึ่งพอเห็นผู้ก่อเหตุมีท่าทีเช่นนั้นจึงได้กล่าวขอโทษกับผู้ก่อเหตุก่อน เพราะตัวเองไม่อยากจะมีเรื่องเนื่องจากเป็นห่วงลูกชายที่มาด้วย ซึ่งจังหวะที่กำลังจะออกจากที่เกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุลงมาจากรถรอบแรกแล้วก็รัวหมัดใส่ตัวเอง จากนั้นก็เดินกลับขึ้นรถไปอีกครั้ง และเดินลงมาต่อยวนอยู่แบบนี้ประมาณ 3 รอบ จนครั้งสุดท้ายครั้งที่ 4 ตนเองกำลังจะพาลูกชายกลับบ้านไม่กินข้าวแล้ว แต่ผู้ก่อเหตุก็ได้เดินลงมาอีก แล้วเตะเสยคางทำให้รถล้มทั้งพ่อและลูก จนได้รับบาดเจ็บบริเวณห่างคิ้วมีเลือดไหลเต็มหน้า
นายเอ ยังบอกอีกว่า ระหว่างที่ผู้ก่อเหตุเดินมารัวหมัดใส่ตัวเองลูกชายก็ร้อง และพยายามบอกว่า ให้หยุดทำร้ายพ่อ แต่ผู้ก่อเหตุไม่ฟังยังพยายามรัวหมัดอยู่เรื่อยๆ ซึ่งนายเอ ยืนยันว่าตอนที่ไปถามว่าทำไมขับรถแบบนี้พูดด้วยท่าทีปกติไม่ได้มีอารมณ์โมโหร้ายหรือใส่อารมณ์ มีแต่ฝั่งผู้ก่อเหตุที่ทำร้ายตัวเองและด่าทอไม่หยุด
หลังจากที่ กัน จอมพลัง พาสองพ่อลูก มาติดตามความคืบหน้าคดีที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร (บางน้ำจืดย่อย) ได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมถึงสื่อมวลชนหลังจากนั้นเวลา 11.20 น. นายสมพงษ์ อายุ 28 ปี ผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางมาที่ สภ. โดยนั่งรถแท็กซี่ เข้ามาพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง
นายสมพงษ์ ผู้ก่อเหตุ อ้างว่า ตนเองถูกฝั่งคู่กรณีพูดจาด่าทอใส่ก่อน พร้อมกับมีการพยามจะใช้อาวุธมีดที่เหน็บอยู่ที่เอวเข้ามาทำร้าย บวกกับฝั่งคู่กรณีมีอาการคล้ายคนเมาสุรา ซึ่งตอนนั้นตนเองเห็นทีท่าไม่ดี จึงได้ไปหยิบมีดที่อยู่ในรถเพื่อมาใช้ป้องกันตัว ในส่วนเรื่องเด็กตนเองอยากขอโทษที่ทำต่อหน้าเด็ก สาเหตุมาจากความโมโห ยอมรับว่ารู้สึกผิด
นักข่าวถามต่อถึงกรณีที่เคยเกิดเหตุก่อนหน้านี้ นายสมพงษ์บอกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวก็คล้ายกับเหตุการณ์ครั้งล่าสุดนี้ โดยคู่กรณีได้ขี่ตามท้ายมาจากนั้นก็ได้ขึ้นแซงแล้วก็ทำท่าทีไม่พอใจพร้อมกับแจกของลับ ด้วยความโมโหตนจึงได้ลงไปทำร้ายโดยใช้ด้ามมีดฟาดเข้าที่บริเวณศีรษะ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวตนได้ไปขึ้นศาลถึง 2 ครั้ง ยืนยันตนไม่เคยหาเรื่องใครก่อน
ส่วนตัวยอมรับว่า ทำงานมาก็เหนื่อยแล้วรับไม่ได้กับการที่ถูกใครให้ของลับ ทั้งนี้ถ้าฝั่งคู่กรณีรักลูกตนเองจริง คงไม่ถือมีดปรี่เข้ามาทำร้ายตน
พ.ต.อ.ธีระเดช อธิภัคกุล รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้มีการดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งจากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุ ยอมรับว่าลงมือทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจริงอีกทั้งบอกว่าได้เสพกัญชาและยาบ้าในวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมาด้วย พนักงานสอบสวนจึงได้มีการตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด
เบื้องต้นพบว่า ผู้ก่อเหตุมีสารเสพติดในร่างกายหรือฉี่สีม่วง จากนั้นจึงได้ส่งตัวไปตรวจหาสารเสพติดในร่างกายที่โรงพยาบาลอีกครั้ง หากตรวจพบก็จะดำเนินคดีข้อหาเสพยาด้วย รวมถึงคดีที่ไปก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่นในพื้นที่ สน.ลาดพร้าว ก็จะประสานขอสำนวนมาพิจารณาในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป