สตม.โต้ 'โรม' แฉระบบ "ไบโอเมตริกซ์" ไทยหมดอายุ ไม่มีข้อมูล 17 ล้านคน
สตม.โต้ 'โรม' แฉระบบ "ไบโอเมตริกซ์" ไทยหมดอายุ ไม่มีข้อมูล 17 ล้านคน

สตม. ชี้แจงกรณีไม่เก็บข้อมูล ระบบเก็บอัตลักษณ์- Biometrics นักท่องเที่ยว 17 ล้านคน ยันระบบสารสนเทศที่มีอยู่ยังสามารถควบคุมและติดตามคนต่างด้าวได้อย่างเข้มงวด
จากกรณี นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร โพสเฟซบุ๊กกรณี สตม.ไม่ได้จัดเก็บข้อมูล Biometrics ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 17 ล้านคน เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมาซึ่งอาจเป็นโอกาสให้ทุนสีเทาแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรมในประเทศได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
“โรม” ซัดรัฐปล่อยข้อมูลอาชญากรหลุดมือ เสียโอกาสถอนรากถอนโค่น
'โรม' ชี้ช่องโหว่! 17 ล้านคนเข้า-ออกไทยไร้ "ไบโอเมตริกซ์"
ล่าสุดวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 18.30 น. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พ.ต.อ. คธาธร คำเที่ยง รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 ในฐานะโฆษก สตม. เปิดเผยถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความกังวลว่า สตม. ไม่ได้จัดเก็บข้อมูล Biometrics ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 17 ล้านคนในปี 2567 ซึ่งอาจเปิดช่องให้ทุนสีเทาแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรมในไทยได้
พ.ต.อ. คธาธร ระบุว่า ปัจจุบัน สตม. มีระบบสารสนเทศที่ทันสมัยหลายระบบในการคัดกรองและควบคุมคนต่างด้าวที่เดินทางเข้าประเทศ โดยเฉพาะระบบ Biometrics ซึ่งบันทึกข้อมูลของผู้ที่เข้า-ออกประเทศทุกคน โดยมีการตรวจสอบประวัติว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ต้องห้าม มีหมายจับ หรือเป็นบุคคลไม่พึงประสงค์ตามฐานข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคงทั้งในและต่างประเทศหรือไม่ หากไม่มีลักษณะต้องห้ามจึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าเมือง ข้อมูลการเข้า-ออกนี้สามารถตรวจสอบได้อย่างละเอียด เช่น วันและช่องทางการเดินทาง วัตถุประสงค์ และประเภทวีซ่า
นอกจากนี้ หลังจากคนต่างด้าวเข้าเมืองแล้ว สตม. ยังใช้ระบบ PIBICS ควบคุมต่อเนื่อง โดยบันทึกข้อมูลการแจ้งที่พักภายใน 24 ชั่วโมง รวมถึงข้อมูลการต่อวีซ่า เช่น ระยะเวลาการอยู่ สถานที่พักและทำงาน รายได้ และเอกสารประกอบอื่นๆ เช่น ทะเบียนสมรสหรือใบรับรองบุตร หากมีการอยู่นานเกินกำหนด (Overstay) ระบบสามารถตรวจพบและนำไปสู่การจับกุม ซึ่งที่ผ่านมา สตม. มีผลงานจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง
โฆษก สตม. ยังชี้แจงเพิ่มว่า หากต่อมาพบว่าคนต่างด้าวกระทำผิดหรือมีลักษณะต้องห้าม จะถูกบันทึกในบัญชี “Blacklist” พร้อมเก็บข้อมูลอัตลักษณ์ไว้เปรียบเทียบ แม้มีการเปลี่ยนหนังสือเดินทางก็ยังสามารถระบุตัวตนและปฏิเสธการเข้าเมืองได้ โดยระบบนี้รองรับการจัดเก็บข้อมูลได้ไม่จำกัด
สำหรับกรณีที่ระบุว่าระบบบางส่วนไม่มี License พ.ต.อ. คธาธร ยืนยันว่า ข้อมูลอัตลักษณ์ยังคงถูกจัดเก็บตามปกติ แม้การประมวลผลบางรายการอาจลดประสิทธิภาพลงบ้าง แต่ไม่กระทบต่อการควบคุมภาพรวม ปัจจุบัน สตม. อยู่ระหว่างพัฒนาโครงการ Thailand Immigration System (TIS) ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติที่มีประสิทธิภาพสูง และได้รับการใช้งานในหลายประเทศ เพื่อยกระดับการทำงานต่อไป - ข่าวเวิร์คพอยท์
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พรรคไทยก้าวหน้าออกแถลงการณ์ปม"สส.ปูอัด"มีมติรอผลทางคดีในชั้นอัยการ ก่อนจึงจะมาประชุมพิจารณาลงมติอีกครั้ง
