“โรม” ฉะ “แพทองธาร” มีดีลลับกับปิศาจพาพ่อกลับบ้านแบบไม่ต้องนอนคุก

“โรม” ฉะ “แพทองธาร” มีดีลลับกับปิศาจพาพ่อกลับบ้านแบบไม่ต้องนอนคุก

28225 มี.ค. 68 12:32   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

“โรม” อภิปรายยาว ฉะ “แพทองธาร” ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ พาพ่อกลับบ้านแบบไม่ต้องนอนคุกด้วย “ดีลลับ” ละเมิดกฎหมาย เอื้อประโยชน์ พอเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วไม่ยอมสางระบบยุติธรรม

(24 มี.ค. 68) ที่รัฐสภา อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในวันที่ 2 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายกรณีที่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ได้เข้าไปอยู่ในชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจในช่วงปี 2566-2567


โดยระบุว่า น.ส.แพทองธาร เป็นผู้รู้เรื่องดีมากที่สุด มีพฤติการณ์อาจไม่ไว้วางใจ ให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไป ท่านเห็นแก่ผลประโยชน์ต่อครอบครัว เหนือผลประโยชน์ส่วนรวม ขาดความเหมาะสมดำรงตำแหน่งด้วยประการทั้งปวง ไร้ซึ่งความซื่อสัตย์ โกหกหลอกลวง ด้วยการตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ช่วยเหลือบิดาตัวเอง ให้ได้สิทธิพิเศษเหนือคนอื่น จนนำไปสู่การทำลายหลักนิติรัฐ ส่งผลให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา กระบวนการยุติธรรม สิ่งที่นายกฯ ได้ทำคือสมคบกับพวกพ้องเพื่อสร้างระบบอภิสิทธิ์ชนเหนือกฎ ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ยากจะเยียวยาได้ มากไปกว่านั้นการกระทำของนายกฯ กรณีชั้น 14 ยังมีความผิดอาญาร้ายแรง


นายรังสิมันต์ เริ่มต้นตั้งคำถามว่า เหตุผลที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร สามารถเดินทางกลับมายังประเทศไทย และได้อยู่ในชั้น 14 ได้ ก็เพราะมี ‘ดีล’ กับนายทหารใหญ่บางคน เป็นการตกลงระหว่างขั้วอำนาจเก่า และขั้วอำนาจใหม่ โดยเขาเรียกว่านี่คือ ‘ดีลปีศาจเพื่อพาพ่อกลับบ้าน’


พร้อมทั้งยกข้อมูลที่ น.ส.แพทองธาร เคยให้สัมภาษณ์ว่า อดีตนายกฯ ทักษิณ ตรวจสุขภาพปีละสองครั้งและมีสุขภาพดี แต่ในอีกสองวันถัดมาเมื่อนายทักษิณเดินทางกลับมาประเทศไทย และมีเจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์รับตัวเข้าเรือนจำ ก่อนที่จะมีการแถลงผลตรวจสุขภาพว่านายทักษิณ หัวใจขาดเลือด ปอดผิดปกติ ความดันสูง กระดูกสันหลังเสื่อม และในคืนเดียวกันนั้นมีการนำตัวนายทักษิณ ส่งรักษายังโรงพยาบาลตำรวจ แทนที่จะเป็นโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และนายทักษิณได้รักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 ซึ่งเป็นชั้นที่พักของผู้ป่วยระดับ VVIP


นายรังสิมันต์ ตั้งคำถามว่าที่จริงแล้วอดีตนายกฯ ทักษิณ ไม่ได้ป่วยหนักขนาดที่มีการแถลง เพราะในเวลาต่อมา อดีตนายกฯ สามารถเขียนขออภัยโทษได้ด้วยตัวเอง


“การที่นายกฯ ปิดบังอำพราง และร่วมแสดงละครตบตาประชาชน ย่อมหมายความว่า ท่านเป็นผู้มีพฤติกรรมหลอกลวงปลิ้นปล้อน ก่อนดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯ แล้ว สภาแห่งนี้จะไว้วางใจให้ท่านดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อไปได้อย่างไร”


นายรังสิมันต์ได้ชี้ว่ากรณี “ชั้น 14” นี้ เป็นผลลัพธ์หนึ่งของดีลกับขั้วอำนาจเก่า ที่ทำให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ได้รับสิทธิพิเศษเหนือบุคคลอื่นๆ โดยมีการยกกรณีของนักโทษคนอื่นๆ มาประกอบ ว่าแม้จะมีอาการป่วยที่รุนแรงกว่า แต่ก็ไม่ได้รับการดูแลรวดเร็วเช่นอดีตนายกรัฐมนตรี


นอกจากนี้มีการชี้ว่า ฝนระหว่างที่พักอยู่ที่ชั้น 14 ของโรงพยาบาล มีบุคคลภายนอกอย่างน้อย 2 ราย ที่ได้เข้าพบนายทักษิณ ทั้งที่ไม่มีชื่ออยู่ในรายชื่อบุคคลที่อนุญาตให้เยี่ยม โดยข้อมูลนี้มาจากการเปิดเผยของบุคคลทั้ง 2 ผ่านสื่อ คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมีย์เวช และมีข้อมูลระบุว่านายทักษิณสามารถใช้โทรศัพท์มือถือในระหว่างที่ถูกควบคุมตัวที่โรงพยาบาลตำรวจด้วย


รวมถึงกรณีการพักโทษนายทักษิณ ที่ตามระเบียบแล้วต้องมีเงื่อนไขกำหนดว่าเป็นผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้ราชการ หรือไม่อย่างนั้นก็เป็นกรณีของผู้ต้องขังที่มีอาการเจ็บป่วยจนไม่สามารถดูแลตัวเองได้ แต่ลักษณะของนายทักษิณ หลังได้รับการพักโรคไม่ได้มีลักษณะของผู้ที่ป่วยหนักจนดูแลตัวเองไม่ได้


“ท่านได้มีส่วนสำคัญต่อการฆาตกรรมความยุติธรรม ท่านได้ทำให้ความยุติธรรมมันมีหลายมาตรฐาน ขึ้นอยู่กับฐานะทางสังคม เงิน อำนาจ และพรรคพวก สิ่งที่ท่านได้ทำ ได้สร้างมลทินที่ทำลายความเชื่อมั่นของประชาชน ต่อระบบยุติธรรม”


“ระบบราชทัณฑ์ไม่เหมือนกับการไปซื้อตั๋วเครื่องบิน เพื่ออัพเกรดเฟิร์สคลาสได้ แต่ระบบราชทัณฑ์จะยุติธรรมหรือไม่​ ทุกคนต้องเท่าเทียมกัน” นายรังสิมันต์กล่าว



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat