“สุวรรณภูมิ” แจงเหตุ ทำไมกระเป๋าซุกกัญชาผ่านไปได้ถึง “นาริตะ”

“สุวรรณภูมิ” แจงเหตุ ทำไมกระเป๋าซุกกัญชาผ่านไปได้ถึง “นาริตะ”

172515 มี.ค. 68 21:00   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

“สุวรรณภูมิ” ออกโรงชี้แจงหลังถูกตั้งคำถามทำไมปล่อยผ่านกระเป๋าเดินทางบรรจุกัญชาหนัก 24 กิโลกรัมให้ถูกส่งไปถึงญี่ปุ่นได้ หลังมีไกด์ออกมาเล่าประสบการณ์ลูกทัวร์เกือบซวยเพราะหยิบกระเป๋าผิด

(15 มี.ค. 68) จากกรณีที่มีไกด์ทัวร์รายหนึ่งออกมาเล่าประสบการณ์เฉียดคุกของลูกทัวร์ตนเอง เดินทางจาก จ.สุราษฎร์ธานี มาพบกับคณะทัวร์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น เมื่อไปถึงสนามบินนาริตะจึงทราบว่าลูกทัวร์คนดังกล่าวหยิบกระเป๋าเดินทางมาผิดใบ สลับกับผู้โดยสารต่างชาติอีกรายที่ลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิเหมือนกัน เมื่อพยายามเปิดกระเป๋าออกดูก็พบว่าเป็นกัญชาหนัก 24 กิโลกรัม เกือบโดนข้อหาลักลอบนำยาเสพติดเข้าประเทศญี่ปุ่น โชคดีที่สามารถชี้แจงตัวเองได้


ในเหตุการณ์ดังกล่าว ทางไกด์หัวหน้าทัวร์ รวมถึงชาวเน็ตที่ทราบเรื่องราวต่างตั้งคำถามว่าทำไมสนาบินในประเทศไทย ทั้งที่สุราษฎร์ธานี และที่สุวรรณภูมิ ถึงปล่อยให้กระเป๋าใบดังกล่าวผ่านด่านตรวจความปลอดภัยและด่าน ตม. มาจนถึงปลายทางที่ประเทศญี่ปุ่นได้


ล่าสุดเพจ Suvarnabhumi Airport ออกมาโพสต์ข้อความชี้แจงกรณีดังกล่าว ระบุว่า


“ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิชี้แจงข้อเท็จจริงกรณี สื่อสังคมออนไลน์แชร์ภาพกัญชาในกระเป๋าเดินทางของผู้โดยสารที่เดินทางจากท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเดินทางต่อไปยังปลายทางประเทศญี่ปุ่น


ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข่าวผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับประเด็น ผู้โดยสารชาวไทยที่เดินทางจากท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี มายัง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) และ ได้เดินทางต่อไปยังประเทศญี่ปุ่น โดยเมื่อถึงท่าอากาศยานที่ประเทศญี่ปุ่น ผู้โดยสารพบว่ากระเป๋าใบดังกล่าวไม่ใช่ของตนเอง และเมื่อเปิดกระเป๋าแล้วพบกัญชาบรรจุอยู่ภายใน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่สนามบินส่งผลให้ผู้โดยสารเกิดปัญหาในการผ่านขั้นตอนการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น นั้น


จากกรณีดังกล่าว ทสภ. ได้ตรวจสอบข้อมูลและขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้


1. ผู้โดยสารดังกล่าว เดินทางภายในประเทศ มาจากท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี มายัง ทสภ. โดยเมื่อถึง ทสภ. ได้หยิบสัมภาระซึ่งมาจากเที่ยวบินดังกล่าวจากสายพานรับกระเป๋าภายในประเทศ (ซึ่งทราบภายหลังว่าไม่ใช่สัมภาระของตนเอง) จากนั้นได้ทำการเช็กอินและโหลดสัมภาระใบดังกล่าวออกเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น 


2. จากการตรวจสอบสัมภาระใบดังกล่าว พบชื่อเจ้าของสัมภาระเป็นผู้โดยสารชาวต่างชาติ ซึ่งเบื้องต้นได้มาแสดงตนและติดตามสัมภาระใบดังกล่าวกับสายการบินที่เดินทางมาจากสุราษฎร์ธานีแล้ว


3. ผลการตรวจสอบตามมาตรการการรักษาความปลอดภัยสัมภาระใบดังกล่าวนั้นอยู่ในสถานะ “Clear” คือ ไม่พบสารระเบิด สัมภาระใบดังกล่าวจึงผ่านการตรวจสอบและนำบรรทุกขึ้นอากาศยานต่อไป


4. การดำเนินการตรวจค้นสัมภาระที่บรรทุกไปกับอากาศยานหรือสัมภาระลงทะเบียน ตามกฎหมาย  กฎ ระเบียบ และข้อกำหนดของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เพื่อป้องกันการนำอาวุธ วัตถุระเบิด หรือวัตถุที่อาจเป็นเหตุให้เกิดการก่อการร้ายต่ออากาศยาน โดย ทสภ. ติดตั้งเครื่องตรวจวัตถุระเบิด (EDS) ในระบบการตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง (Hold Baggage Screening System) ที่ถูกออกแบบตามมาตรฐาน ของ Transportation Security Administration (TSA) ของสหรัฐอเมริกา และ European Civil Aviation Conference (ECAC) ของสหภาพยุโรป และได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย รวมทั้งผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานตรวจสอบทั้งในและนอกประเทศ


5. ทั้งนี้ ทสภ. ได้ประชาสัมพันธ์แก่ผู้เดินทางบริเวณเคาน์เตอร์เช็กอิน แนะนำให้ผู้โดยสารตรวจสอบกฎหมายของประเทศปลายทางในการนำกัญชาเดินทางไปยังประเทศต่างๆ เนื่องจากหลายประเทศยังคงกำหนดให้กัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย อาจนำไปสู่การถูกดำเนินคดีตามกฎหมายของแต่ละประเทศ


อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทสภ. ได้ให้ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส) ภายใต้โครงการสกัดกั้นยาเสพติดผ่านท่าอากาศยาน (Airport Interdiction Task Force : AITF) โดยการปฏิบัติงานจากการได้รับการข่าว ทั้งให้การสนับสนุนข้อมูล การดำเนินการตรวจสอบร่วม ตลอดจนการเฝ้าระวังและติดตามผู้ต้องสงสัยร่วมกัน นอกจากนี้โครงการดังกล่าวยังประกอบด้วย กรมศุลกากร และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ที่มีบทบาทสำคัญในการให้การสนับสนุนโครงการ


ทสภ.ดำเนินการด้านการรักษาความปลอดภัยตลอดจนการตรวจสอบสัมภาระตามแนวทางที่กำหนด โดยเน้นย้ำการปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและอากาศยานเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด”



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง