แม่น้ำสะแกกรังลดฮวบ ชาวแพเดือดร้อนหนัก เหตุเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำต่อเนื่อง

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 13 กันยายน 2567 จากกรณีเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ได้ระบายน้ำสู่ท้ายเขื่อนอย่างต่อเนื่อง ทำให้แม่น้ำสะแกกรังที่ไหลผ่านตัวเมืองอุทัยธานี ตั้งแต่บ้านคลองสะแกกรัง วัดอุโปสถาราม หรือวัดโบสถ์ โบราณสถานและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ไปจนถึงพระยาไม้รีสอร์ต ลดระดับลงอย่างรวดเร็วผิดปกติ จนชาวแพสองฝั่งแม่น้ำตั้งตัวไม่ทัน และชักลากเรือนแพลงร่องน้ำลึกไม่ได้จำนวนมาก เนื่องจาก ระดับน้ำลึกไม่ถึง 1 เมตร ส่งผลให้ลูกบวบไม้ไผ่ที่ใช้พยุงแพลอยน้ำติดค้างแห้ง บางแพถึงกับติดค้างบนเนินดินได้รับความเสียหาย 

ส่วนเรือนแพที่ยังสามารถชักลากลงร่องน้ำลึกได้ ก็เร่งถอยเรือนแพลงกลางแม่น้ำ เพื่อป้องกันลูกบวบไม้ไผ่ทุ่นลอยน้ำของแพ ไม่ให้แตกเสียหาย ขณะที่กระชังปลาที่เลี้ยงไว้ก็เกยตื้นกันหลายกระชัง โดยเฉพาะช่วงกลางวันอากาศร้อน ปลาจะทยอยตายอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอยู่ในระดับน้ำที่ตื้นมาก (ลึกไม่ถึง 1 เมตร)

ด้านชาวเรือนแพ ที่มีเรือนแพอาศัยในแม่สะแกกรัง เล่าว่า ถ้าสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ จะกระทบต่อชาวบ้านชุมชนชาวแพจำนวนเกือบ 200 ครอบครัว ที่มีเรือนแพอาศัยในแม่น้ำเป็นแห่งสุดท้ายของประเทศไทย ตลอดจนผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์น้ำ-เลี้ยงปลาในกระชัง ซึ่งเป็นอาชีพหลักของชุมชนชาวแพ ได้รับความเสียหายไปด้วย 

ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์น้ำที่เกิดขึ้น เพื่อเร่งหาวิธีแก้ไข ทำอย่างไรที่จะเพิ่มระดับน้ำให้สูงขึ้น เพื่อที่จะชักลากเรือนแพลงร่องน้ำลึก ป้องกันไม่ให้เสียหายไปมากกว่านี้ เพราะถ้าน้ำแห้งเป็นเวลานาน ลูกบวบลอยแพเสียหาย จะต้องซ่อมแซม ต้องใช้เงินหลังละหลายหมื่นบาท

อย่างไรก็ตาม หากจะมีการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ขอให้ช่วยแจ้งเตือนชาวแพ โดยเฉพาะเวลาน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว เพื่อจะได้เร่งชักลากแพไปกลางร่องน้ำลึก ซึ่งที่ผ่านมาจะการแจ้งเตือนเพียงระดับน้ำเพิ่มขึ้น และไหลเชี่ยวแรง ชาวเเพก็จะชักลากแพเข้าหาฝั่งป้องกันความเสียหาย แต่พอน้ำลงกลับไม่มีการแจ้งเตือน จึงทำให้แพเกิดค้างแห้งจนฉีกลูกบวบแพเสียหาย 

ด้านนางสาวปานัดฌา ไทยเศรษฐ์ นายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานี ได้โพสต์ลงสื่อโซเชียลฯ ถึงสถานการณ์น้ำในแม่น้ำสะแกกรังลดระดับลงอย่างน่าเป็นห่วง และได้ประสานผ่านโครงการประทานอุทัยธานี ได้เร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเร่งผักดันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านประตูระบายน้ำตามรอยเสด็จประพาสต้น และประตูคลองขุมทรัพย์ใน ต.เกาะเทโพ อ.เมืองอุทัยธานี เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำให้หมุนเวียนไม่ให้น้ำเน่าเสีย และเพื่อให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำสะแกกรัง เพิ่มขึ้นจนเข้าสู่ภาพวะปกติต่อไป