ผู้ต้องหาโกงกฐินเขียนจดหมายลาพ้อ “หลวงพ่อฆ่าผมทั้งเป็น”

(23 ต.ค. 67) จากกรณีเมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมาพระครูวรวัฒน์เขมากร อายุ 68 ปี  เจ้าอาวาสวัดโบสถ์(บน) ต.บ้านกระทุ่ม อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ผูกคอตนเองมรณภาพภายในวัด โดยมีการระบุมูลเหตุว่าเป็นเพราะความเครียดที่ถูกนายสัญญา อายุ 66 ปี มาหลอกจองกฐิน แล้วขอให้หลวงพ่อยืมเงินญาติโยมมาให้ 6.5 แสนบาท อ้างจะเอามาคืนให้พร้อมกฐินวันที่ 27 ต.ค. ก่อนที่จะติดต่อไม่ได้อีก

ล่าสุดวานนี้(22 ต.ค.)ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวนายสัญญาได้ที่ถนนสาย 321 ในเขตพื้นที่ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ตรวจค้นในตัวพบสร้อยทองปลอม เลสข้อมือทองปลอม และพบจดหมายเขียนระบุจำนวนเงินที่คืนให้หลวงพ่อกับข้อความเชิงตัดพ้อ ก่อนจะคุมตัวมาสอบปากคำที่ สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา

จากการสอบปากคำนายสัญญายอมรับว่าได้ยืมเงินพระจริงแต่ไม่ถึง 650,000 บาท และยืนยันว่าได้เอาเงินใช้คืนหลวงพ่อไปบ้างแล้ว และก็ยังมีการพูดคุยกับหลวงพ่อตลอด ส่วนสาเหตุที่ตนเองไม่ได้รับโทรศัพท์เพราะว่าโทรศัพท์เสีย จึงไม่สามารถติดต่อกับหลวงพ่อได้

ส่วนที่ว่าจะมาเป็นเจ้าภาพร่วมกฐินนั้นเป็นเรื่องจริง มีการนำซองกฐินมาให้หลวงพ่อบางส่วนแล้ว ส่วนเงินที่ได้จากหลวงพ่อไปก็เอาไปซื้อหวยเล่นจนหมด นายสัญญายังอ้างอีกว่าตั้งใจจะไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว แต่มาถูกจับกุมได้เสียก่อน

เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาฉ้อโกงให้นายสัญญาได้รับทราบข้อกล่าวหา ส่วนทางวัดอื่นๆ ที่นายสัญญาไปหลอกและมีพฤติกรรมแบบนี้นายสัญญาบอกว่าจำไม่ได้ว่าวัดไหนบ้าง  หลังจากนั้นก็ได้มีการสอบถามถึงนายสัญญาว่าจะไปกราบขอขมาศพไว้โดยนายสัญญาปฏิเสธ และ ยังบอกว่าให้ทางตำรวจจุดธูปบอกหลวงพ่อว่าให้ยมบาลนั้นรอตนเองด้วยเดี๋ยวจะตามไป และก็ยกมือไหว้จากนั้นก็ถูกควบคุมตัวไปให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำเพื่อดำเนินคดี

ล่าสุดเช้าวันนี้ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภจว.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่าจะมีการนำตัวนายสัญญาไปฝากขังที่ศาลในวันพรุ่งนี้(24 ต.ค.) เนื่องจากวันนี้ยังสอบปากคำไม่เสร็จสิ้น

และได้เน้นย้ำให้ตำรวจเฝ้าดูพฤติกรรมนายสัญญาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากขณะจับกุมเจ้าหน้าที่พบจดหมายที่นายสัญญาเขียนเอาไว้ ในจดหมายเขียนระบุจำนวนเงินที่คืนให้หลวงพ่อแล้วจำนวน 6 ครั้ง และเขียนตัดพ้อในเชิงเหมือนต้องการที่จะฆ่าตัวตายว่า “หลวงพ่อไม่น่าทำผมเลย ฆ่าผมทั้งเป็น ผมจะตามไปหาหลวงพ่อ”