สภาฯ ต้านเดือดบุหรี่ไฟฟ้า ชี้! อันตรายคุกคามสุขภาพเยาวชน
สภาฯ ต้านเดือดบุหรี่ไฟฟ้า ชี้! อันตรายคุกคามสุขภาพเยาวชน

สภาฯ ต้านเดือดบุหรี่ไฟฟ้า! สส.รัฐบาล-ฝ่ายค้าน เรียงหน้าถล่มยับ ชี้! อันตรายคุกคามสุขภาพเยาวชน ด้าน “หมอทศพร” แฉรายงาน กมธ.บุหรี่ไฟฟ้าหมกเม็ด เตือนรัฐบาลอย่าหลงกล ย้ำ! ทางรอดเดียวต้อง “แบน” บุหรี่ไฟฟ้าเด็ดขาด
(21 มี.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 25 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 1 เป็นประธาน วานนี้ (20 มี.ค.68) ได้มีการพิจารณารายงานของ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ที่ กมธ.ฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดย นพ.นิยม วิวรรธนดิฐกุล ประธาน กมธ.วิสามัญฯ ได้ชี้แจงว่า กมธ.ได้มีการประชุมทั้งหมด 39 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย.66 – 19 ม.ค.68 รวม 480 วัน ศึกษาปัญหาผลกระทบด้านต่างๆ มีบทสรุป 3 แนวทาง คือ
- บุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน (Heated tobacco Products) เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
- ผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน (Heated tobacco products) เป็นสิ่งที่ถูกควบคุมตามกฎหมาย
- บุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน (Heated Tobacco Products) เป็นสิ่งที่ถูกควบคุมตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม มี สส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ต่างอภิปรายไปในทิศทางเดียวกันว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีสารนิโคตินและสารอื่นที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ แสดงความเป็นห่วงบุหรี่ไฟฟ้าเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพเด็กและเยาวชน หากเสพติดตั้งแต่อายุน้อยจะกระทบสมองที่กำลังพัฒนา สารนิโคตินต่อสมองของเด็กเยอะกว่าผู้ใหญ่ นอกจากนี้ บุหรี่ไฟฟ้ามีกลิ่นหอม สูบง่าย ไม่ระคายเคือง ไม่มีการเผา ยิ่งเป็นการหลอกล่อเด็กให้ตกเป็นเหยื่อ พร้อมสนับสนุนให้รัฐบาล มีนโยบายปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง
นายธีระชัย แสงแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ทุกวันนี้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นปัญหาที่กัดกินสังคมโดยเฉพาะเด็กเยาวชน ซึ่งวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยระบุว่า การโฆษณาบุหรี่ไฟฟ้ามีการบิดเบือนการเพื่อสร้างภาพลักษณ์ ให้บุหรี่ไฟฟ้าเปลี่ยนจากสิ่งเสพติดที่อันตรายให้เป็นทางเลือกในการสูบบุหรี่ ขณะที่แพทย์ รพ.รามาธิบดีก็ยืนยันหลักฐานทางการแพทย์ว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายมาก ทำให้คนเสพติดได้ง่าย เพราะสูบง่ายกว่าเดิม มีรสชาติใหม่ หลายรสชาติ เด็กติดใจง่ายขึ้น
บุหรี่ไฟฟ้าเป็นตัวกระตุ้นให้เยาวชนอยากสูบ ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพและสมอง จึงขอชื่นชมรัฐบาลที่มีการปราบปรามกวาดล้างอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามประเทศไทยมีมาตรการทางกฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า แต่ก็ยังพบการแพร่ระบาด การสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มสูงขึ้นในหมู่เด็กและเยาวชน
ด้าน นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.สาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร อภิปรายว่า ตนได้รับการร้องเรียนเรื่องบุหรี่ไฟฟ้ามาตลอด เวลาเจอนักเรียนและผู้ปกครอง เคยไปเดินแถวสุขุมวิท พบการขายบุหรี่ไฟฟ้าเต็มไปหมด ตนเดินทางไป รพ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เยี่ยมนักเรียน ม.2 ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้วปอดอักเสบ ต้องนอนโรงพยาบาลมีอยู่ 6-7 คน บางคนต้องส่งต่อ รพ.บุรีรัมย์ และเมื่อไปที่ สภ.สตึก ก็ทราบการจับบุหรี่ไฟฟ้ามีการขายอยู่ใกล้ใกล้โรงเรียน เด็กบางคนบอกว่าหัดสูบบุหรี่ไฟฟ้า เพราะเห็นพี่สูบ เท่ห์ดี ก็เลยไปขอสูบด้วย แอบสูบในห้องน้ำโรงเรียนบ้าง เลิกเรียนแล้วก็ไปแอบสูบที่บ้านเพื่อนบ้าง แล้วก็ซื้อน้ำกระท่อมไปดื่มด้วย คือน้ำกระท่อมกับบุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นของคู่กัน
นายแพทย์ทศพร กล่าวด้วยว่า ข้องใจภาคผนวกในรายงานฉบับนี้ ซึ่งตนไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะ ถ้าไปอ่านให้ดีแนวทางที่ 2 และ 3 จะชักจูงประชาชนให้เข้าใจผิด ที่บอกว่ายาสูบแบบให้ความร้อนเป็นสิ่งที่ถูกควบคุมตามกฎหมาย เป็นการใช้วาจาซ่อนเร้น พูดจริงๆคือจะบอกว่า จะทำให้มันถูกกฎหมายนั่นเอง ใช้คำว่าถูกควบคุมตามกฎหมาย แสดงว่าต่อไปนี้จะออกกฎหมายให้ถูกกฎหมายแล้ว
ตนอยากถามว่า คนที่เห็นด้วยกับแนวทางให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย เป็นทาสที่สูบบุหรี่ เป็นคนสูบบุหรี่ไฟฟ้าหรือเปล่า กมธ.กี่คนที่มีความสัมพันธ์กับอาชีพยาสูบ หรือปลูกยาสูบหรือเปล่า หรือเกี่ยวข้องกับชาวไร่ยาสูบอย่างไร มีหมอใน กมธ.รวม 6 คนไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่ 2 และ 3 เลย จึงฝากไปยังรัฐบาล ว่ามีอยู่ทางรอดเดียว ต้องไม่ให้บุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาถูกกฎหมาย มีแต่จะต้องเข้มงวดกับกฎหมายที่มีอยู่ หรือออกกฎหมายที่เข้มงวดกับบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น อย่าให้มีบุหรี่ไฟฟ้ามาทำร้ายเด็กไทย ทางรอดของเด็กไทยมีอย่างเดียวคือต้อง “แบนบุหรี่ไฟฟ้า”
หลังจากที่ประชุมอภิปรายเป็นเวลาพอสมควรแล้ว นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ในฐานะ กมธ.ฯ ลุกขึ้นชี้แจงยืนยันสนับสนุนแนวทางที่ 1 คือ บุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน (Heated tobacco Products) เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย เป็นแนวทางที่ถูกต้อง เพราะหากปล่อยบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเรื่องถูกกฎหมายจะเกิดการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าตามมาอย่างรุนแรงมาก และยากที่จะควบคุมได้ ประเทศไทยมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแบนบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิดอย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อปกป้องชีวิตและสุขภาพของเด็กและเยาวชน ให้มีความอยู่รอดปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่ เป็นพลังอันสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ไม่มี กมธ.ฯ คนไหนกล้าลุกมาแสดงตัวยืนยันสนับสนุนแนวทางที่ 2 และ 3 แม้แต่คนเดียว จากนั้น ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้เห็นชอบรับทราบ รายงานของ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย พร้อมรับทราบข้อสังเกตก่อนส่งให้รัฐบาลพิจารณาต่อไป - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
