พระลมชักชกพยาบาล ยอมสึกไปรักษาตัวแล้ว

วันที่ 11 มี.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีพระภิกษุ ชกพยาบาลภายในคลินิกอายุรกรรม ชั้น 2 โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช จ.ลพบุรี จากการสอบถามทราบว่า พระนิธิศธร (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี เป็นพระวัดดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมืองลพบุรี บวชได้ประมาณ 2 พรรษา โดยได้เดินทางมาเข้ารับการรักษาโรคประจำตัว "ลมชัก" ที่โรงพยาบาล พระนารายณ์มหาราช เป็นเวลาหลายปีแล้ว 

ขณะที่กำลังนั่งรอตรวจ เกิดอาการบางอย่าง ทำให้เจ้าหน้าที่พยาบาลและผู้ช่วยพยาบาล เดินเข้าไปสอบถาม เนื่องจาก พระได้ถอดจีวรออกและเกิดอาการชัก และคล้ายอยู่ในอาการละเมอ ก่อนเดินเข้าไปทุบบริเวณหลังและลำคอ (ท้ายทอย) ของพยาบาล 2 ครั้ง ทำให้พยาบาลตกใจ ขวัญเสียและร้องไห้ ขณะเดียวกัน ญาติผู้ป่วยที่เห็นเหตุการณ์ ก็รุมกันควบคุมตัวพระนิธิศธรไว้ได้

หลังจากก่อเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ได้นำพระที่ก่อเหตุ มาฉีดยาเพื่อทำการรักษา ก่อนที่คณะสงฆ์จังหวัดลพบุรี ได้เข้ามาพูดคุยและทำการให้ลาสิขา เพื่อไม่ให้พระพุทธศาสนาเสียหาย และจะได้สะดวกต่อการรักษา เบื้องต้น เจ้าตัวยินยอมที่จะลาสิกขาแต่โดยดี ด้านคณะแพทย์ เตรียมวางแผนในการรักษาพระรูปดังกล่าว โดยจะนำตัวไปรักษาที่ตึก เมตตาจิตซึ่งเป็นตึกรักษาเฉพาะจิตเวช

ขณะที่ นายวีระ จำลอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ลพบุรี เดินทางมาดูและและตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเปิดเผยว่า หลังมีคลิปเผยแพร่ในโซเชียลฯ เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ตนก็เข้ามาดูแลความเรียบร้อย เบื้องต้น ได้ให้พระที่ก่อเหตุเข้าสู่กระบวนการรักษา รวมถึงจากการพูดคุยกับพ่อของพระ ก็ทำให้ทราบว่าพระที่ก่อเหตุมีโรคประจำตัว เป็นลมชักตั้งแต่เด็ก ป่วยประสาทจิตใจไม่ปกติบวชได้ 2 พรรษาเพื่อสงบสติ หวังใช้ทางธรรมเข้าช่วย ซึ่งช่วงที่อยู่วัดก็ไม่เป็นอะไร แต่คาดว่าวันนี้ระหว่างที่อยู่ในโรงพยาบาล เจ้าตัวอาจจะต้องนั่งคอยนาน ทำให้เกิดอาการหงุดหงิดและก่อเหตุชกพยาบาลดังกล่าว

ขณะที่ นายแพทย์ปิยะเดช วลีพิทักษ์เดช นายแพทย์สาธารณสุข พบุรี กล่าวว่า พระที่ก่อเหตุรักษาตัว รับยากันชักมาประมาณ 2 ปีแล้ว แต่ในขณะเกิดเหตุไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น พระที่ก่อเหตุเริ่มถอดจีวรและเดินไปมา ขณะเดียวกันผู้ช่วยพยาบาลได้เข้าไปสอบถาม ด้านพระเริ่มมีอาการตาขวางและชกพยาบาลชกคอและหลังพยาบาลดังกล่าว

ภายหลังเกิดเหตุ ทีมรักษาความปลอดภัยได้เข้าระงับเหตุทันที ขณะเดียวกันพลเมืองดี ได้เข้าไปช่วยจับพระรูปดังกล่าว เบื้องต้น ผู้เสียหายได้แจ้งความไว้แล้ว แต่ยังไม่ยืนยันว่า จะมีการดำเนินคดีหรือไม่ สำหรับโรงพยาบาลพระนารายณ์และโรงพยาบาลอื่นๆ ได้มีการฝึกซ้อมและเตรียมตับรับกับสถานการณ์เป็นประจำ และในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่พยาบาลเอง ก็มีการสังเกตถึงความผิดปกติอยู่บ้างแล้ว ในช่วงเกิดเหตุจึงได้พยายามหันหลังเพื่อหลบ - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน